Sunday, May 31, 2009

คุณจำเรื่อง ภรรยาของโลท ได้ไหม ? โดย อ.ประวัติ

คุณจำเรื่อง ภรรยาของโลท ได้ไหม ?
ปฐก. 19:12-29
แล้วแขกทั้งสองจึงพูดกับโลทว่า"ที่นี่เจ้ามีใครอีกหรือ บุตรเขย บุตรชาย บุตรหญิง คนของเจ้าในเมืองนี้ จงนำออกไปจากที่นี้ให้หมด 13เรากำลังจะทำลายเมืองนี้แล้ว เพราะเสียงร้องกล่าวโทษประชาชนของเมืองนี้ต่อพระเจ้าดังนักหนา และพระเจ้าทรงใช้เรามาทำลายเมืองนี้เสีย" 14โลทจึงออกไปพูดกับบุตรเขย ผู้ที่จะแต่งงานกับบุตรหญิงของตนว่า "ลุกขึ้นออกจากที่นี้เถิด เพราะพระเจ้ากำลังจะทำลายเมืองนี้" แต่บุตรเขยของเขากลับหาว่าโลทล้อเล่น 15ครั้งเวลารุ่งเช้า ทูตสวรรค์จึงชักชวนโลทว่า "ลุกขึ้นพาภรรยาของเจ้า และบุตรหญิงทั้งสองของเจ้า ผู้อยู่ที่นี่ไปเสีย เกรงว่าเมื่อเมืองนี้ถูกลงอาชญาให้พินาศ เจ้าจะเสียชีวิตไปด้วย"16แต่โลทยังรีรอ ดังนั้นชายทั้งสองจึงคว้ามือเขาและภรรยา และบุตรหญิงทั้งสอง ด้วยพระกรุณาคุณของพระเจ้าที่มีต่อเขา ท่านทั้งสองนำเขาออกมาเสียนอกเมือง 17เมื่อท่านทั้งสองพาเขาออกมาแล้ว ท่านพูดว่า "หนีเอาชีวิตรอดเถิด อย่าเหลียวหลังหรือหยุดณที่ใดในลุ่มน้ำ หนีไปที่เนินเขา มิฉะนั้นเจ้าจะเสียชีวิต" 18โลทเรียนท่านทั้งสองว่า"อย่าเลยนาย19ดูเถิด ผู้รับใช้ของท่านเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านแล้วและท่านได้สำแดงความกรุณาอันยิ่งใหญ่ในการช่วยชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะหนีไปที่เนินเขาไม่ได้ เกรงว่าภัยภิบัตินั้นจะตามทันและข้าพเจ้าจะตายเสีย 20ดูซิเมืองโน้นอยู่ใกล้พอที่จะหนีไปถึงได้และเป็นเมืองเล็กขอให้ข้าพเจ้าหนีไปที่นั่น เมืองนั้นเป็นเมืองเล็กๆ แล้วชีวิตของข้าพเจ้าจะรอด" 21ทูตสวรรค์พูดกับเขาว่า"เราอนุญาตเรื่องนี้ คือเราจะไม่ทำลายเมืองที่เจ้าพูดถึงนั้นเสีย 22รีบเถิด หนีไปที่นั่น เพราะเราจะทำอะไรไม่ได้จนกว่าเจ้าจะไปถึงที่นั่น" ฉะนั้นเขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่าโศอาร์ {แปลว่า เล็กน้อย} 23เมื่อโลทมาถึงเมืองโศอาร์ตะวันก็ขึ้นแล้ว 24แล้วพระเจ้าทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเจ้าตกจากฟ้าลงมาบนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์
25และพระองค์ทรงขยี้เมืองเหล่านั้น ลุ่มน้ำทั้งหมด ชาวเมืองทั้งสิ้นและพืชต่างๆ 26ส่วนภรรยาของโลทผู้อยู่ข้างหลังโลทเหลียวกลับไปมองดู นางจึงกลายเป็นเสาเกลือไป 27เวลาเช้ามืดอับราฮัมออกไปยังที่ที่ท่านยืนเฝ้าพระเจ้า 28ท่านมองลงไปทางเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ และตรงดินแดนในลุ่มน้ำ ก็เห็นแผ่นดินลุกเป็นควันพลุ่งขึ้นเหมือนควันเตาไฟใหญ่ 29ดังนั้น เมื่อพระเจ้าทรงทำลายหัวเมืองในลุ่มน้ำ พระเจ้าจึงทรงระลึกถึงอับราฮัม และส่งโลทออกไปจากเมืองที่ถูกขยี้ เมื่อพระองค์ทรงขยี้เมืองที่โลทอาศัยอยู่

ปฐก. 19:12-13 แล้วแขกทั้งสองจึงพูดกับโลทว่า "ที่นี่เจ้ามีใครอีกหรือบุตรเขย บุตรชาย บุตรหญิง คนของเจ้าในเมืองนี้ จงนำออกไปจากที่นี้ให้หมด 13เรากำลังจะทำลายเมืองนี้แล้ว เพราะเสียงร้องกล่าวโทษประชาชนของเมืองนี้ต่อพระเจ้าดังนักหนา และพระเจ้าทรงใช้เรามาทำลายเมืองนี้เสีย”

ปฐก. 19:17; 23-24 เมื่อท่านทั้งสองพาเขาออกมาแล้ว ท่านพูดว่า "หนีเอาชีวิตรอดเถิด อย่าเหลียวหลังหรือหยุดณที่ใดในลุ่มน้ำหนีไปที่เนินเขามิฉะนั้นเจ้าจะเสียชีวิต” 23เมื่อโลทมาถึงเมืองโศอาร์ตะวันก็ขึ้นแล้ว24แล้วพระเจ้าทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเจ้าตกจากฟ้าลงมาบนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ 25และพระองค์ทรงขยี้เมืองเหล่านั้น ลุ่มน้ำทั้งหมด ชาวเมืองทั้งสิ้นและพืชต่างๆ

อับราฮัมให้โลทเลือกแผ่นดินก่อน

ปฐก. 13:8-9 อับรามจึงพูดกับโลทว่า "เราอย่าวิวาทกันเลย อย่าให้คนเลี้ยงสัตว์ของเจ้า กับคนเลี้ยงสัตว์ของเราวิวาทกัน เพราะเราเป็นญาติสนิท 9ที่ดินทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเจ้ามิใช่หรือจงแยกไปจากเราเถิด ถ้าเจ้าไปทางซ้าย เราก็จะไปทางขวา หรือเจ้าจะไปทางขวา เราก็จะไปทางซ้าย"

โลท เป็นคนที่หวังผลประโยชน์ โดยเลือกดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ แต่ไม่คำนึงว่าดินแดนนั้น เป็นที่ตั้งของเมืองโสโดม และโกโมราห์ เมืองแห่งความบาปทั้งมวล

ปฐก. 13:10-13 โลทเงยหน้าแลดูที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดนทางทิศเมืองโศอาร์เห็นว่ามีน้ำบริบูรณ์อยู่ทุกแห่งเหมือน พระอุทยานของพระเจ้า เหมือนแผ่นดินอียิปต์ นี่เป็นสภาพก่อนพระเจ้าทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์11โลทจึงเลือกที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดนทั้งหมดเป็นส่วนของตน….ส่วนโลทอาศัยอยู่ท่ามกลางหัวเมืองในที่ลุ่มแม่น้ำและย้ายเต็นท์ไปตั้งถึงเมืองโสโดม13ชาวเมืองโสโดมเป็นคนชั่วช้าทำบาปผิดต่อพระเจ้าเป็นอันมาก

โลทและภรรยามีความร่ำรวยมหาศาลในเมืองโสโดมและโกโมราห์อย่างไม่มีใครเสมอเหมือน

ปฐก. 13:2, 5 อับรามมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยฝูงสัตว์และเงินทองเป็นอันมาก… 5ฝ่ายโลทที่ไปกับอับรามนั้น มีฝูงแพะ แกะ และฝูงโคกับเต็นท์ด้วย

โลทและภรรยาของโลทไม่ยอมฟังคำเตือนของพระเจ้าจนทูตสวรรค์ต้องจับมือเขาและภรรยาของเขาและบุตรสาวทั้งสองคน พาออกนอกเมือง

ปฐก. 19:16 แต่โลทยังรีรอ ดังนั้นชายทั้งสองจึงคว้ามือเขาและภรรยา และบุตรหญิงทั้งสอง ด้วยพระกรุณาคุณของพระเจ้าที่มีต่อเขา ท่านทั้งสองนำเขาออกมาเสียนอกเมือง

ภรรยาของโลทก็เป็นคนรักวัตถุนิยม

โลท ภรรยาและบุตรสาวสองคนอพยพหนีออกจากเมืองโสโดมและโกโมราห์โดยได้นำทรัพย์สมบัติติดตัวไปได้เพียงเล็กน้อย

ภรรยาของโลทมีความเป็นห่วงใยทรัพย์สมบัติอันมีค่าในเมืองนั้นมาก

มธ. 6:21เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย

เขาคาดไม่ถึงว่าการไม่เชื่อฟัง พระเจ้าเพียงเล็กน้อยจะมีอันตรายถึงชีวิต

ยก. 1:14-15 แต่ว่าทุกคนก็ถูกล่อให้หลง เมื่อกิเลสของตัวเองล่อและชักนำให้กระทำตาม 15ครั้นตัณหาเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็นำไปสู่ความตาย

แต่หลายคนจะไม่ฟังเสียงคำเตือนเพราะ
1. ความหยิ่ง
สภษ. 16:18 “ความเย่อหยิ่งเดินหน้าการถูกทำลายและจิตใจที่ยโสนำหน้าการล้ม”

2.เป็นคนใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
สภษ. 29:11 คนโง่ย่อมให้ความโกรธของเขาพลุ่งออกมาเต็มที่แต่ปราชญ์ย่อมยับยั้งโทสะไว้เงียบๆ

3.ความโง่เขลา
สดด. 14:1 คนโง่รำพึงอยู่ในใจของตนว่า"ไม่มีพระเจ้า" เขาทั้งหลายก็เลวทรามลง กระทำกิจการที่น่าเกลียดน่าชังไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี

4. ความบาปเจริญเต็มที่แล้ว
ยก. 1:15 ครั้นตัณหาเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็นำไปสู่ความตาย

ยก. 1:23-24 เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะและไม่ได้ประพฤติตามผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา24เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไปและก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร

สภษ. 1:25-27 เจ้ามิได้รับรู้ในคำแนะนำของเรา และไม่ยอมรับคำตักเตือนของเราเลย 26ฝ่ายเราจะหัวเราะเย้ยความหายนะของเจ้า เราจะเยาะเมื่อความกลัวลานมากระทบเจ้า27เมื่อความกลัวลานมากระทบเจ้าอย่างพายุ และความหายนะของเจ้ามาถึงอย่างลมบ้าหมู เมื่อความทุกข์และความระทมใจใหญ่หลวงมาถึงเจ้า

ยก. 1:25 แต่เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามผู้นั้นก็จะได้รับความสุขเพราะการประพฤติปฏิบัติของตน

สภษ. 12:15 ทางของคนโง่นั้นถูกต้องในสายตาของเขาเอง แต่ปราชญ์ย่อมฟังคำแนะนำ

Sunday, May 24, 2009

อธิษฐานโต้รุ่ง 10 July 2009

อธิษฐานโต้รุ่งจะมีขึ้นวันศุกร์ที่ 10 July 2009 ที่คริสตจักร(โรงพยาบาลปิยะเวทชั้น16)

ขอจำนวนผู้ที่จะไปค่ายพี่เลี้ยง

ขอให้หัวหน้าแคร์ส่งจำนวนผู้ที่จะไปค่ายพี่เลี้ยงให้คุณติ๊บภายในวันพุธนี้ครับ
ค่ายพี่เลี้ยงจะจัดวันเสาร์ที่13June2009 วันเดียวในกรุงเทพฯโดยมีค่าใช้จ่ายไม่เกิน250บาทต่อคน
จะแยกการสอนเป็น2ส่วนคือ
พี่เลี้ยง1 สำหรับผู้อยากเป็นพี่เลี้ยงแต่ไม่เคยเป็นพี่เลี้ยง เชื่อพระเจ้ามา1ปีขึ้นไป
พี่เลี้ยง2 สำหรับพี่เลี้ยงปัจจุบันที่มีแกะอยู่หรือไม่มีแกะแล้วก็ตาม

ทาสที่ดี สัตย์ซื่อในหน้าที่ โดย อ.กอบชัย

ทาสที่ดี สัตย์ซื่อในหน้าที่

มธ.25:14-30
และยังเปรียบเหมือน ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้ 15 คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ {เงินหนึ่งตะลันต์ มีค่าประมาณสองหมื่นบาท} คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคนแล้วท่านก็ไป 16 คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที ได้กำไรเท่าตัว 17 คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน 18 แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้ 19 ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น 20 คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า "นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์" 21 นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด" 22 คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า "นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์" 23 นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด" 24 ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า "นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย 25 ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด นี่แหละเงินของท่าน" 26 นายจึงตอบว่า "อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้หรือว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย 27 เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย 28 เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ 29 ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา 30 เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"

มธ 24:44 เตือนให้คริสเตียนทุกคนดำเนินชีวิต เตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะพระเยซู จะเสด็จกลับมาครั้งที่สอง ในวันเวลาที่เราคาดไม่ถึง

มธ 25: 1-13 เมื่อถึงวันนั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือน หญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว 2 เป็นคนโง่ห้าคน เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน 3ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป แต่หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่ 4คนที่มีปัญญานั้นได้เอาน้ำมันใส่กาไปกับตะเกียงของตนด้วย 5เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ ก็พากันง่วงเหงาและหลับ6ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า "เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด“ 7 พวกหญิงพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน 8พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า "ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว9พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า "น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า“ 10เมื่อกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง ผู้ที่พร้อมอยู่แล้ว ก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด 11ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคน ก็มาร้องว่า "ท่านเจ้าข้าๆขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย" 12 ฝ่ายท่านตอบว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน“ 13เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น

1. นายฝากทรัพย์สมบัติให้ทาสดูแลตามความสามารถอย่างยุติธรรม (ข้อ 14, 15)
The master entrusted his property under the care of the servants according to their abilities.

มธ 25:1 เมื่อถึงวันนั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือน หญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว

รม 12:4-8 เพราะว่า ในร่างกายอันเดียวนั้น เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆมิได้มีหน้าที่เหมือนกันฉันใด 5 พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น 6 และเราทุกคนมีของประทานที่ต่างกัน ตามพระคุณที่ได้ประทานให้แก่เรา คือถ้าเป็นการเผยพระวจนะ ก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อ 7 ถ้าเป็นการปรนนิบัติก็จงปรนนิบัติ ถ้าเป็นการสั่งสอนก็จงสั่งสอน 8 ถ้าเป็นการเตือนสติก็จงเตือนสติ ถ้าเป็นการบริจาค ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี

1คร 12:4-14 ของประทานนั้นมีต่างๆ กัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน 5 งานรับใช้มีต่างๆ กัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน 6 กิจกรรมมีต่างๆกัน แต่มีพระเจ้าองค์เดียวกันเป็นต้นเหตุแห่งกิจกรรมนั้นๆ ในทุกคน 7 การสำแดงของพระวิญญาณนั้นมีแก่ทุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน 8 พระเจ้าทรงโปรดประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำประกอบด้วยสติปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำอันประกอบด้วยความรู้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน 9 และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน และให้อีกคนหนึ่งมีความสามารถรักษาคนป่วยได้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน 10 และให้อีกคนหนึ่งทำการอิทธิฤทธิ์ต่างๆและให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะได้ และให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆและให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆและให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆ ได้ 11 สิ่งสารพัดเหล่านี้ พระวิญญาณองค์เดียวกันทรงบันดาลและประทานแก่แต่ละคนตามชอบพระทัยพระองค์ 12 ถึงกายนั้นเป็นกายเดียว ก็ยังมีอวัยวะหลายส่วน และอวัยวะเหล่านั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นกายเดียวกันฉันใด พระคริสต์ก็ทรงเป็นฉันนั้น 13 เ พราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิว หรือพวกกรีก เป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวนั้นซาบซ่านอยู่ 14 เพราะว่าร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ด้วยหลายอวัยวะ

2. ทาสที่สัตย์ซื่อใช้ตะลันต์เต็มที่ (ข้อ 16-18)
Faithful servants put their full talents to work.

3. ทาสที่รับใช้นายอย่างสัตย์ซื่อจะได้รับรางวัล (ข้อ 19-24)
Faithful servants received commendation and reward.

3.1 พระเยซูจะตรวจตราความสัตย์ซื่อของเราเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาเป็นครั้งที่สอง (ข้อ 19)
Jesus will judge our faithfulness when he returns (v. 19)

3.2 ทาสที่สัตย์ซื่อจะได้รับรางวัล (ข้อ 20 – 24)
Faithful servants will be rewarded (vv 20-24)

3.2.1 ทาสคนแรกสัตย์ซื่อในการรับใช้นายอย่างเต็มที่
The first servant served his master faithfully

3.2.2 นายจะให้รางวัลเพราะรับใช้อย่างสัตย์ซื่อ และเกิดผล
The master rewards him for his faithfulness and fruitfulness

ก) “ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสที่ดีและสัตย์ซื่อ”
The Master commended the faithful servants

มก 9:7 แล้วมีเมฆมาปกคลุมเขาไว้และมีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา จงเชื่อฟังท่านเถิด"

ข) “ได้รับเกียรติให้ดูแลของมากมาย”
The Master rewarded the faithful servants

ค) นายจะให้ร่วมในความสุขกับนาย
Faithful servants will share the Master’s hapiness

4. ทาสที่ไม่สัตย์ซื่อจะถูกตำหนิว่ากล่าว และถูกลงโทษรุนแรง (ข้อ 24-26)
Unfaithful servant will be censured (vv 24-26)

4.1 ทาสที่ไม่สัตย์ซื่อมักจะมีทัศนคติไม่ดีต่อนาย และมีนิสัยขี้เกียจ (ข้อ 24)
Unfaithful servant has bad attitude towards his master (v. 24)

ลก 7:41-43 พระองค์จึงตรัสว่า "เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเหรียญเดนาริอัน อีกคนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าสิบเหรียญ 42 เมื่อเขาไม่มีอะไรจะใช้หนี้แล้ว ท่านจึงโปรดยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า" 43 ซีโมนจึงทูลว่า "ข้าพเจ้าเห็นว่าคนที่นายได้โปรดยกหนี้ให้มาก ก็เป็นคนที่รักนายมาก" พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า "ท่านคิดเห็นถูกแล้ว"

ลก 7:47 เหตุฉะนั้นเราบอกท่านว่า ความผิดบาปของนางซึ่งมีมากได้โปรดยกเสียแล้ว เพราะนางรักมาก แต่ผู้ที่ได้รับการยกโทษน้อย ผู้นั้นก็รักน้อย"

4.2 พระเจ้าว่ากล่าว (ข้อ 26)
God condemned unfaithfulness

4.3 พระเจ้าจะลงโทษทาสที่ไม่สัตย์ซื่อ (ข้อ 30)
God judges unfaithfulness (v. 30)

มธ 10:8 จงรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย คนตายแล้วให้ฟื้น คนโรคเรื้อนให้หายสะอาด และจงขับผีให้ออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆจงให้เปล่าๆ

5. การดำเนินชีวิตทุกอย่างจะมีผลกับชีวิตของเรา (ข้อ 28 – 29)
We will reap the fruit from what we sow in life (vv 28-29)

5.1 ถ้าเราสัตย์ซื่อในการรับใช้ อะไรที่มีอยู่แล้ว พระเจ้าจะเพิ่มเติมให้อีกจนเหลือเฟือ
If we are faithful, God will multiply what we already have

5.2 ผู้ไม่สัตย์ซื่อในการรับใช้ อะไรที่มีอยู่ พระเจ้าจะเอาไปจากเขา
If we are unfaithful, God will take what he gave

กท 6:7-9 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น 8 ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น 9 อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร

2คร 9:6-8 นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก 7 ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี 8 และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย

2 คร 4:16-18 เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน 17 เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆน้อยๆของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้ 18 เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์

อฟ 5:15-16 เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา 16 จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว

1ทธ 4:10 เหตุที่เราตรากตรำทำงานและทนสู้ ก็เพราะว่าเรามีความหวังใจในพระเจ้าผู้ดำรงพระชนม์ พระผู้ช่วยให้รอดของคนทั้งปวง โดยเฉพาะของผู้ที่เชื่อในพระองค์

ยก 5:7-8 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จงดูชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน เพียรคอยจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู 8 ท่านทั้งหลายก็จงอดทนเช่นนั้นเหมือนกัน จงตั้งอกตั้งใจให้ดี เพราะใกล้จะถึงเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาแล้ว

1 ปต 5:2-4 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่าน ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจแต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของที่ได้มาโดยทุจริต แต่ด้วยใจเลื่อมใส 3 และไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น 4 และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่านทั้งหลายจะรับศักดิ์ศรีเป็นมงกุฎที่ร่วงโรยไม่ได้เลย

Sunday, May 17, 2009

ตัวแทนหัวหน้าแขวง

ขอให้หัวหน้าแขวงส่งชื่อตัวแทนหัวหน้าแขวงให้ติ๊บอาทิตย์หน้าครับ

ผู้ปกครองเด็กคริสตจักรเด็กพบศิษยาภิบาล

วันอาทิตย์ที่24นี้ขอเชิญผู้ที่เป็นผู้ปกครองของเด็กที่อยู่ในคริสตจักรเด็กทุกวัยร่วมประชุมกันที่ห้องคริสตจักรเด็กหลังเทศนา(12:00น.)ให้ยกข้าวกล่องไปรับประทานระหว่างประชุมเลยจะใช้เวลาประมาน20นาทีครับ

กลิ่นหอมแห่งชีวิต โดย ดร. นุโรจน์

กลิ่นหอมแห่งชีวิต

ยากอบ 1:19-27 ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ 20เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ได้กระทำให้ เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า 21เหตุฉะนั้น จงเลิกความโสมมทั้งหลายแหล่ และการชั่วร้ายอันดกดื่น และจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายให้รอดได้ 22แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตาม พระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น ซึ่งเป็นการลวงตนเอง 23เพราะว่าถ้าผู้ใดฟัง พระวจนะ และไม่ได้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา 24เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป และก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร 25แต่ผู้ที่พิจารณาดูในวิสุทธิบัญญัติ ซึ่งเป็น พระบัญญัติแห่งเสรีภาพ และตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น มิได้เป็นผู้ฟังแล้วก็หลงลืม แต่เป็น ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตาม ผู้นั้นก็จะได้รับความสุขเพราะการประพฤติปฏิบัติของตน 26ถ้าผู้ใดเข้าใจว่าตัวเป็นคนมีธัมมะและมิได้สงบปากคำ แต่หลอกลวงตัวเอง ธัมมะของผู้นั้นก็ไม่มีประโยชน์ 27ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก

2 คร.2:15-16 เพราะว่าเราเป็นกลิ่นอันหอมหวาน ที่พระคริสต์ถวายพระเจ้าในหมู่คนที่กำลังจะรอด และคนที่กำลังประสบความพินาศ 16ฝ่ายหนึ่งเป็นกลิ่นแห่งความตายซึ่งนำไปสู่ความตาย และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นกลิ่นหอมแห่งชีวิตซึ่งนำไปสู่ชีวิต ใครเล่าจะมีความสามารถเหมาะสมกับพันธกิจเหล่านี้

1. จะต้องรับพระคำพระเจ้า

1.1 ไวในการฟัง (19)

มก. 4:24 พระองค์ตรัสแก่เขาว่า "จงเอาใจจดจ่อ ต่อสิ่งที่ฟังให้ดี ท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด จะทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น ทั้งจะทรงเพิ่มเติมให้อีก”

1.2 ช้าในการพูด (19)

สภษ. 17:27 บุคคลที่ยับยั้งถ้อยคำของเขาเป็นคนที่มีความรู้และบุคคลผู้มีจิตใจเยือกเย็นเป็นคนมีความเข้าใจ

1.3 ช้าในการโกรธ (19)

ยก. 3:18 ผู้สร้างสันติสุข หว่านอย่างสันติ จึงได้เกี่ยวความชอบธรรม

1.4 ละทิ้งบาปความโสมมและความชั่วร้ายทั้งหลาย (21ก)

ฮบ. 12:1 เหตุฉะนั้น เมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา

1.5 มีใจน้อมรับพระคำของพระเจ้าทุกข้อ (21ข)

2. ประพฤติตาม

ยก. 1:22 แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตาม พระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้นซึ่งเป็นการลวงตนเอง

ลก. 11:28 แต่พระองค์ตรัสว่า "มิใช่เช่นนั้น แต่คนทั้งหลายที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้า และได้ถือรักษาพระวจนะนั้นไว้ก็เป็นสุข"

ยก. 1:23 ถ้าผู้ใดฟังพระวจนะแล้วไม่ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เหมือนคนที่ดูหน้าของตนในกระจก

2.1 พิจารณาด้วยความตั้งใจ(25)

ยน. 20:5 เขาก้มลงมองดูเห็นผ้าป่านวางอยู่ แต่เขาไม่ได้เข้าไปข้างใน

2.2 ตั้งใจดำเนินชีวิตอยู่ใน พระวจนะจากพระเจ้า(25)

2.3 มีใจไม่หลงลืม (25)

2.4 ประพฤติปฏิบัติตามจนเป็นชีวิต(25)

-คำพูดต้องเปลี่ยน
-ชีวิตต้องเปลี่ยน
-ต้องมีชีวิตที่บริสุทธิ์

Sunday, May 10, 2009

อธิษฐาน...อาวุธพิชิตสงคราม โดย อ.กอบชัย

อธิษฐาน..อาวุธพิชิตสงคราม
อฟ.6:18-24
จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน19 และอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อจะทรงประทานให้ข้าพเจ้ามีคำพูดและเกิดใจกล้า ประกาศและสำแดงข้อลับลึกแห่งข่าวประเสริฐได้20 เพราะข่าวประเสริฐนี้เองทำให้ข้าพเจ้าเป็นทูตผู้ต้องติดโซ่อยู่ เพื่อข้าพเจ้าจะเล่าข่าวประเสริฐด้วยใจกล้าตามที่ข้าพเจ้าควรจะกล่าว 21 บัดนี้เพื่อให้ท่านได้รู้เหตุการณ์ทั้งปวงของข้าพเจ้า ว่าข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างไร ทีคิกัสซึ่งเป็นน้องที่รัก และเป็นผู้ที่เอาใจใส่ปรนนิบัติในองค์พระผู้เป็นเจ้า จะได้บอกท่านให้ทราบถึงเหตุการณ์ทั้งปวงของเรา 22 ข้าพเจ้าให้ผู้นี้ไปหาท่าน ก็เพราะเหตุนี้เอง คือให้ท่านได้ทราบถึงความเป็นอยู่ของเรา และเพื่อให้เขาหนุนน้ำใจของท่าน 23 ขอให้พวกพี่น้องได้รับสันติสุขและความรักโดยความเชื่อ มาจากพระบิดาเจ้า และจากพระเยซูคริสตเจ้า 24 ขอพระคุณดำรงอยู่กับบรรดาคนที่รักพระเยซูคริสตเจ้าของเรา อย่างไม่มีวันเสื่อมสลาย

1. อธิษฐาน ในพระวิญญาณ คือลมหายใจในชีวิตของคริสเตียน ( 18-20 )

1.1.อธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์ (18 ก.)

ยน.15:7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น

1.2.อธิษฐานทุกโอกาสด้วยความอธิษฐานทุกรูปแบบ (18 ข.)

1.2.1.อธิษฐานทุกโอกาส หรือ อธิษฐานเสมอๆทุกเวลา

1.2.2.อธิษฐานด้วยคำอธิษฐานทุกรูปแบบ

การอธิษฐาน (proseuche) หมายถึงการร้องทูลขอทั่วๆไป
การทูลวิงวอนขอ (deesis) หมายถึงการร้องทูลขอเฉพาะเจาะจง

1.2.3.แบบอย่างของการอธิษฐาน

1.2.3.1.การอธิษฐานแสวงหาพระเจ้าส่วนตัว - การเฝ้าเดี่ยว personal devotional life

สดด.119:147 ข้าพระองค์ตื่นขึ้นก่อนอรุณ ทูลขอความช่วยเหลือข้าพระองค์หวังอยู่ในพระวจนะของพระองค์

มก.1:35 ครั้นเวลาเช้ามืดพระองค์ได้ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยว และทรงอธิษฐานที่นั่น

อสย.26:9 วิญญาณของข้าพระองค์อยากได้พระองค์ในกลางคืน จิตใจภายในข้าพระองค์แสวงหาพระองค์อย่างร้อนรน เพราะเมื่อการพิพากษาของพระองค์อยู่ในแผ่นดินโลก ชาวพิภพได้เรียนรู้ถึงความชอบธรรม

กจ.1:8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก

กจ.2:3-4 มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขากระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน 4เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด

กจ.2:11 ชาวเกาะครีตและชาวอาระเบีย เราทั้งหลายต่างก็ได้ยินคนเหล่านี้กล่าวถึงมหกิจของพระเจ้า ตามภาษาของเราเอง

1คร.4:12 เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใด ที่พูดภาษาแปลกๆได้ ไม่ได้พูดกับมนุษย์ แต่ทูลต่อพระเจ้า เพราะว่าไม่มีมนุษย์คนใดเข้าใจได้ แต่เขาพูดเป็นความล้ำลึกฝ่ายพระวิญญาณ

1คร.14:18 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆมากกว่าท่านทั้งหลายอีก

1คร.14:4 ฝ่ายคนที่พูดภาษาแปลกๆนั้นก็ทำให้ตนเองเจริญฝ่ายเดียว แต่ผู้เผยพระวจนะนั้นย่อมทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น


1.2.3.2.การแสวงหาพระเจ้าร่วมกันในครอบครัว Family Devotion

1.2.3.3.การอธิษฐานร่วมใจกันทั้งคริสตจักร และในกลุ่มแคร์ Coporate devotion

มธ.18:19-20 การมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หรือมีเอกภาพในการอธิษฐาน พระเจ้าจะตอบ

กจ.12:5 เพราะฉะนั้นเปโตรจึงถูกจำไว้ในคุก แต่ว่าคริสตจักรได้อธิษฐานพระเจ้าเพื่อเปโตรด้วยใจร้อนรน

กจ.12:12 เมื่อเปโตรคิดอย่างนั้นแล้ว ก็มาถึงตึกของมารีย์ มารดาของยอห์นผู้มีชื่ออีกว่ามาระโก ที่นั่นมีหลายคนได้ประชุมอธิษฐานกัน
อยู่

กจ.16:25-26 ประมาณเที่ยงคืน เปาโลกับสิลาสก็อธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นักโทษทั้งหลายในคุกก็ฟังอยู่
26 ในทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวใหญ่จนรากคุกสะเทือนสะท้าน และประตูคุกเปิดหมดทุกบาน เครื่องจำจองก็หลุดจากเขาสิ้นทุกคน

กจ.2:46-47 46 เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจกว้างขวาง ทุกวันเรื่อยไป 47 ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะรอด มาเข้ากับพวกสาวกทุกวันๆ

1.2.3.4.การร่วมใจกันรทั้งคริสตจักรด้วยการอธิษฐานโต้รุ่ง All night prayer meeting

1.2.3.5.การอดอาหารอธิษฐาน Fast and Pray

กจ.9:9 ตาท่านก็มืดมัวไปถึงสามวัน และท่านมิได้กินหรือดื่มอะไรเลย

กจ.13:1-3 คราวนั้นในคริสตจักรที่อยู่ในเมืองอันทิโอก มีบางคนที่เป็นผู้พยากรณ์และอาจารย์ มีบารนาบัส สิเมโอนที่เรียกว่านิเกอร์ กับลูสิอัสชาวเมืองไซรีน มานาเอนผู้ได้รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นด้วยกันกับเฮโรดเจ้าเมือง และเซาโล 2 เมื่อคนเหล่านั้นกำลังนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและถืออดอาหาร พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสสั่งว่า "จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับการซึ่งเราเรียกให้เขาทำนั้น"
3 เมื่อถืออดอาหารอธิษฐาน และวางมือบนบารนาบัสกับเซาโลแล้ว เขาก็ใช้ท่านไป

2 พศด.20:3-4 และเยโฮชาฟัทก็กลัว และมุ่งแสวงหาพระเจ้า และได้ทรงประกาศให้อดอาหารทั่วยูดาห์ 4 และยูดาห์ได้ชุมนุมกันแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า เขาทั้งหลายพากันมาจากหัวเมืองทั้งสิ้นแห่งยูดาห์ เพื่อแสวงหาพระเจ้าษัตริย์เยโฮชาฟัดเรียกให้คนทั้งหมดอดอาหารอธิษฐานแสวงหาพระเจ้า

2พศด.20:25 เมื่อเยโฮชาฟัทและประชาชนของพระองค์มาเก็บของเสียจากเขาทั้งหลาย เขาพบสัตว์เป็นจำนวนมาก ข้าวของ เสื้อผ้า และของมีค่าต่างๆ ซึ่งเขาเก็บมามากสำหรับตัวจนขนไปไม่ไหว เขาเก็บของที่ริบได้เหล่านั้นสามวัน เพราะมากเหลือเกิน

2พศด.20:29-30 และความกลัวพระเจ้ามาอยู่เหนือบรรดาราชอาณาจักรของประเทศทั้งปวง เมื่อเขาได้ยินว่าพระเจ้าทรงต่อสู้ศัตรูของอิสราเอล 30 แดนดินของเยโฮชาฟัทจึงสงบเงียบ เพราะว่าพระเจ้าของพระองค์ประทานให้พระองค์มีการหยุดพักสงบอยู่รอบด้าน

อสธ.4:15-16 แล้วเอสเธอร์ตรัสบอกเขาให้ไปบอกโมรเดคัยว่า 16 "ไปเถิด ให้รวบรวมพวกยิวทั้งสิ้นที่หาพบในสุสา และถืออดอาหารเพื่อฉัน อย่ารับประทาน อย่าดื่มสามวันกลางคืนหรือกลางวัน ฉันและสาวใช้ของฉันจะอดอาหารอย่างท่านด้วย แล้วฉันจะเข้าเฝ้าพระราชาแม้ว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้าฉันพินาศ ฉันก็พินาศ

1.2.3.6.การสรรเสริญ Praise

สดด.34:1 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเจ้าตลอดไป คำสรรเสริญพระองค์อยู่ที่ปากข้าพเจ้าเรื่อยไป

สดด.150:6 จงให้ทุกสิ่งที่หายใจ สรรเสริญพระเจ้า จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด

อฟ.5:20 จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา

1ธส.5:18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย

1.3. เฝ้าระวังและอธิษฐานด้วยความเพียร เผื่อพี่น้องคริสเตียนทุกคน (18)

มก.13:13 คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่าน เพราะความภักดีที่ท่านมีต่อเรา แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด

มก.14:38 ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกการทดลอง จิตใจพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลั

กจ.12:5 เพราะฉะนั้นเปโตรจึงถูกจำไว้ในคุก แต่ว่าคริสตจักรได้อธิษฐานพระเจ้าเพื่อเปโตรด้วยใจร้อนรน

ลก.18:6 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมนี้ได้พูด

กจ.2:42 เขาทั้งหลายได้ขะมักเขม้นฟังคำสอนของจำพวกอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม ทั้งขะมักเขม้นในการหักขนมปังและการอธิษฐาน

กจ.6:4 ฝ่ายพวกเราจะขะมักเขม้นอธิษฐาน และรับใช้พระเจ้าในพันธกิจแห่งพระวจนะเสมอไป

กจ.16:25-26 ประมาณเที่ยงคืน เปาโลกับสิลาสก็อธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นักโทษทั้งหลายในคุกก็ฟังอยู่ 26 ในทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวใหญ่จนรากคุกสะเทือนสะท้าน และประตูคุกเปิดหมดทุกบาน เครื่องจำจองก็หลุดจากเขาสิ้นทุกคน

1.4.อธิษฐานให้มีความกล้าหาญในการประกาศข่าวประเสริฐ (19-20)

ยชว.1:6-7 จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะเจ้าจะกระทำให้ชนชาตินี้รับแผ่นดินนั้นเป็นมรดก ซึ่งเราปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลายว่าจะยกให้เขา 7 เพียงแต่จงเข้มแข็งและกล้าหาญยิ่งเถิด ระวังที่จะกระทำตามธรรมบัญญัติทั้งหมด ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของเราได้บัญชาเจ้าไว้นั้น อย่าหลีกเลี่ยงจากธรรมบัญญัตินั้นไปทางขวามือหรือทางซ้าย เพื่อว่าเจ้าจะไปในถิ่นฐานใดเจ้าจะได้รับความสำเร็จอย่างดี

ยชว.1:9 เราสั่งเจ้าไว้แล้วมิใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าตกใจหรือคร้ามกลัวเลย เพราะว่าเจ้าไปในถิ่นฐานใด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงสถิตกับเจ้า

กจ.4:19-20 19 ฝ่ายเปโตรกับยอห์นตอบเขาว่า "จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าข้าพเจ้าควรจะเชื่อฟังท่าน หรือควรจะเชื่อฟังพระเจ้าขอท่านทั้งหลายพิจารณาดู 20 ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่พูดตามที่เห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้

กจ.20:24 แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น

กจ.26:29 เปาโลจึงทูลว่า "จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า ข้าพระบาทมีความปรารถนายิ่งนัก ไม่ว่าด้วยคำชักชวนน้อยหรือมาก ที่จะให้เป็นเหมือนอย่างข้าพระบาท มิใช่ฝ่าพระบาทองค์เดียว แต่คนทั้งปวงที่ฟังข้าพระบาทวันนี้ด้วย เว้นเสียแต่เครื่องจำจองนี้

กจ.6:7 การประกาศพระวจนะของพระเจ้าได้เจริญขึ้น และจำพวกศิษย์ก็ทวีขึ้นเป็นอันมากในกรุงเยรูซาเล็ม และพวกปุโรหิตเป็นอันมากก็ได้เชื่อในพระศาสนา

2.หนุนน้ำใจกันและกันอย่างเต็มที่ (21-23)

กจ.20:4 คนที่ไปกับเปาโลคือโสปาเทอร์บุตรของปีรัสชาวเมืองเบโรอา อาริสทารคัสกับเสคุนดัสชาวเมืองเธสะโลนิกา กายอัสชาวเมืองเดอร์บี และทิโมธี ทีคิกัสกับโตรฟีมัส ชาวแคว้นเอเชีย

ฮบ.10:25 อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่นั้น แต่จงพูดหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว

1ธส.5:14 และพี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนพวกท่านให้ตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนน้ำใจผู้ที่ท้อใจ ชูกำลังคนที่อ่อนกำลัง และมีใจอดเอาเบาสู้ต่อคนทั้งปวง

กจ.20:1-2 ครั้นการวุ่นวายนั้นสงบแล้ว เปาโลจึงให้ไปตามพวกสาวกมา พูดหนุนน้ำใจกัน แล้วก็ลาเขาไปยังแคว้นมาซิโดเนีย 2 เมื่อได้ข้ามที่นั่นไปแล้ว และได้หนุนน้ำใจเขามาก ท่านก็มายังประเทศกรีก

มธ.26:40-41 จึงเสด็จกลับมายังสาวกเหล่านั้น เห็นเขานอนหลับอยู่ และตรัสกับเปโตรว่า "เป็นอย่างไรนะ ท่านทั้งหลายจะคอยเฝ้าอยู่กับเราสักทุ่มเดียวไม่ได้หรือ 41 ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกทดลอง จิตใจพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง

รางวัลผลการเรียน พระวจนะวันอาทิตย์ ดีเด่น เทอม1/2009
















Monday, May 4, 2009

จำนวนผู้ลงทะเบียนเรียน พระวจนะวันอาทิตย์(พวอ) เทอม2/2009

B01 ชั้นผู้เชื่อใหม่ 10
M01 รากฐานชีวิตคริสเตียน 27
M02 ลักษณะชีวิตคริสเตียน 10
M03 สำรวจพระกิตติคุณ 10
M04 หลักข้อเชื่อ 16
M05 หลักการประกาศ 7
M06 สู่ความเป็นชายหญิงดีเลิศ 12
M07 Marriage 101 27
M08 การมีความคิดที่ถูกต้อง 32
S01 หลักการติดตามผล 7
L03 ประวัติศาสตร์คริสตจักร 24
L04 การนมัสการ 2

รวม 184

Sunday, May 3, 2009

Saturday, May 2, 2009

Friday, May 1, 2009