Sunday, June 28, 2009

แผนการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ตอนที่ 2 โดย อ.กอบชัย จิราธิวัฒน์

แผนการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ตอนที่ 2

อฟ 1:7-14
ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาป ของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ 8 ซึ่งได้ทรงประทานแก่เราอย่างเหลือล้น ให้มีปัญญาสุขุมและมีความเข้าใจ 9 พระเจ้าได้ทรงโปรดให้เรารู้ความล้ำลึกในพระทัยของพระองค์ ตามพระเจตนารมณ์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงดำริไว้ในพระคริสต์ 10 ประสงค์ว่าเมื่อเวลากำหนดครบบริบูรณ์แล้ว พระองค์จะทรงรวบรวมทุกสิ่งทั้งที่อยู่ในสวรรค์ และในแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์ 11 ในพระองค์นั้น ตามพระดำริของพระองค์ผู้ทรงกระทำทุกสิ่ง ตามที่ได้ทรงตริตรองไว้สมกับพระทัยของพระองค์ 12 เราทั้งหลายผู้ได้หวังใจในพระคริสต์ก่อนได้รับกำหนด และรับการแต่งตั้งให้เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์ 13 ในพระองค์นั้น ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ฟังสัจวาทะ คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และได้วางใจในพระองค์ ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งพระสัญญา 14 เป็นมัดจำของการรับมรดกของเรา จนกว่าเราจะได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์

1.แผนการของพระเจ้า คือ การให้เราได้รับการอภัยโทษบาปโดยทางพระเยซูคริสต์ ( 7-8 )

“ในพระเยซูคริสต์” หรือ โดยทางพระเยซูคริสต์ ในข้อ 7ก หมายความว่า พระเยซูคริสต์เป็นผู้จ่ายค่าไถ่ ซื้อชีวิตเรามาจากการเป็นทาส พระเจ้าให้พระเยซูคริสต์เป็นความรอดบาปทางเดียวของมนุษย์

กจ 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า

“การไถ่บาป” คือ การที่พระเยซูคริสต์ปลดปล่อยเราจากธรรมชาติของความบาป และผลของบาปที่มีต่อการดำเนินชีวิตในโลกนี้ และการต้องถูกพิพากษาลงโทษในชีวิตหลังความตายมาถึง

“การไถ่บาป” ใน NIV ภาษาอังกฤษ เรียกว่า การจ่ายเพื่อการปลดปล่อย redemption ซึ่งภาษากรีกหมายความว่า การจ่ายค่าปลดปล่อยเพื่อปลดปล่อยคนหนึ่งให้หลุดพ้นจากพันธนาการ คือ พ้นการเป็นทาส

รม 6:23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

ฮบ 9:27 มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด

ฮบ 9:22 ความจริงนั้นตามพระบัญญัติถือว่า เกือบทุกสิ่งจะบริสุทธิ์เพราะโลหิต และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้วก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย

ลวต 17:11 เพราะว่าชีวิตของเนื้อหนังอยู่ในเลือด เราได้ให้เลือดแก่เจ้าเพื่อใช้บนแท่น เพื่อจะทำการลบมลทินบาปแห่งวิญญาณจิตของเจ้า เพราะว่าโลหิตเป็นสิ่งที่ทำการลบมลทินบาป ด้วยชีวิตเป็นเหตุ

ยน 1:29 วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า "จงดูพระเมษโปดก ของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย

รม 5:8-9 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา 9 เพราะเหตุนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นเราจะพ้นจากพระอาชญาของพระเจ้าโดยพระองค์

1 ปต 1:18-19 ท่านรู้ว่าพระองค์ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลายออกจากการประพฤติอันหาสาระมิได้ ซึ่งท่านได้รับต่อจากบรรพบุรุษของท่าน มิใช่ไถ่ไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่นเงินและทอง 19 แต่ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตประเสริฐของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่าง

ฮบ 9:11-14 แต่เมื่อพระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐ ซึ่งมาถึงแล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จเข้าไปสู่เต็นท์อันใหญ่ยิ่งกว่าแต่ก่อน (ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือ คือไม่ใช่เต็นท์แห่งโลกนี้) 12 พระองค์เสด็จเข้าไปในวิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ 13 เพราะว่าถ้าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้ และเถ้าของลูกโคตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนบาปสามารถชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์ได้ 14 พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ผู้ได้ทรงถวายพระองค์เอง แด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ ก็จะทรงชำระได้มากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เพื่อให้จิตใจของคนที่หมกมุ่นในการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย หันไปรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

กท 5:13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด

1 ปต 2:16 จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า

“พระกรุณาอันอุดมของพระเจ้า” ใน NIV (ไทย คือ อมตธรรมร่วมสมัย) ใช้คำว่า “พระคุณอันอุดมของพระเจ้า”

2. พระเจ้าทรงโปรดให้พระเยซูคริสต์เป็นผู้ปกครองสูงสุดของทุกสิ่งในจักรวาล (8ข – 13ก)

ใน NRSV และ NAS ซึ่งถือว่าเป็นการแปลภาภาษาอังกฤษที่เที่ยงตรงต่อภาษาเดิมมากที่สุด แปลข้อ 8ข ต่อเชื่อมใกล้ชิดกับข้อ 9 และ 10 ตรงข้อความที่ว่า “ไห้มีปัญญาสุขุมและมีความเข้าใจ”

Eph 1:8 which He lavished upon us. In all wisdom and insight (NAS)

การที่พระเจ้าประทาน “ปัญญาสุขุม” และ “ความเข้าใจ” นี้
“ปัญญาสุขุม” (Sophia = wisdom) หมายความถึงความสามารถในการมองดูชีวิตด้วยความเข้าใจแบบพระเจ้ามอง
“ความเข้าใจ” ( phronesis = understanding, insight )
หมายถึงความสามารถที่จะแยกแยะการกระทำที่ถูกต้องหรือการกระทำที่ดีที่สุด ในสถานการณ์ต่างๆได้

2.1.พระเจ้าทรงโปรดให้พระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่ครอบครองที่สูงที่สุดของฟ้าสวรรค์ และโลกนี้ (9-10)

คส 1:19-20 เพราะว่าพระเจ้าทรงพอพระทัย ที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นธำรงในพระองค์ 20และโดยพระองค์ ให้สิ่งสารพัดกลับคืนดีกับพระเจ้า ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในแผ่นดินโลกหรือในสวรรค์ พระองค์ทรงทำให้มีสันติภาพด้วยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์

รม 16:25-26 จงถวายพระเกียรติแด่พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ อาจให้ท่านทั้งหลายตั้งมั่นคงตามกิตติคุณ ซึ่งข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น และตามที่ได้ประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์ ตามการเปิดเผยข้อความอันล้ำลึก ซึ่งได้ปิดบังไว้ตั้งแต่อดีตกาล 26 แต่มาบัดนี้ได้เปิดเผยให้ปรากฏแล้ว และโดยคัมภีร์ผู้เผยพระวจนะทรงให้ชนชาติทั้งปวงเห็นประจักษ์ ตามซึ่งพระเจ้าผู้ทรงดำรงถาวร ได้ทรงบัญชาไว้เพื่อให้เขาได้เชื่อ

อฟ 3:3-6 และรู้ว่าพระองค์ได้ทรงสำแดงให้ข้าพเจ้ารู้ข้อล้ำลึก ตามที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้แล้วอย่างย่อๆ 4 และโดยคำเหล่านั้น เมื่อท่านอ่านแล้ว ท่านก็รู้ถึงความเข้าใจของข้าพเจ้าในเรื่องความล้ำลึกของพระคริสต์ 5 ซึ่งในสมัยก่อนพระองค์ไม่ได้ทรงโปรดสำแดงแก่มนุษย์เหมือนอย่างบัดนี้ ซึ่งทรงโปรดเผยแก่พวกอัครทูตผู้บริสุทธิ์และพวกผู้เผยพระวจนะโดยพระวิญญาณ 6 นี่คือคนต่างชาติได้เป็นผู้รับมรดกร่วมกัน และเป็นอวัยวะของกายอันเดียวกัน และมีส่วนได้รับคำสัญญาในพระเยซูคริสต์โดยข่าวประเสริฐนั้น

อฟ 1:10 ประสงค์ว่าเมื่อเวลากำหนดครบบริบูรณ์แล้ว พระองค์จะทรงรวบรวมทุกสิ่งทั้งที่อยู่ในสวรรค์ และในแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์

cronos ซึ่งหมายถึง วัน เวลา เดือน ปี แต่เป็นคำว่า kairos
(a set of proper time) คือ เวลาเจาะจง คือยุคสุดท้าย หรือ วันที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาเป็นครั้งที่สอง เพื่อพิพากษาโลกนี้

วว 7:11 และทูตสวรรค์ทั้งปวงที่ยืนรอบพระที่นั่ง รอบผู้อาวุโส และรอบสัตว์ทั้งสี่นั้น ก้มลงกราบหน้าพระที่นั่ง และนมัสการพระเจ้า

ฟป 2:10-11 เพื่อเพราะพระนามนั้น ทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซู 11 และเพื่อ ทุกลิ้นจะยอมรับ ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้า

รม 8:20-21 เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเอง แต่เป็นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงให้เข้าอยู่นั้น 21 ด้วยมีความหวังใจว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย และจะเข้าในเสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า

วว 21:1-4 ข้าพเจ้าได้เห็นท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะท้องฟ้าเดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปหมดสิ้นแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกแล้ว 2 ข้าพเจ้าได้เห็นวิสุทธนคร คือนครเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า นครนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี 3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากพระที่นั่งว่า "ดูเถิดพลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา 4 พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขาความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว"

2.2.เราถูกพระเจ้าเลือกมาเพื่อประกาศพระสิริของพระองค์

“ในพระองค์นั้น” หมายถึง การที่เรามาเชื่อวางใจพระเยซูคริสต์ให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอด

“ตามพระดำริ” คือ แผนการของพระเจ้าที่ให้ความรอดผ่านมาจากการเชื่อวางใจพระเยซูคริสต์ เป็นพระดำริตั้งแต่ก่อร่างสร้างโลก

“ เราทั้งหลายผู้ได้หวังใจในพระคริสต์ก่อน” หมายถึง พวกยิวที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ และได้รับความรอด

ฉธบ 4:20 แต่พระเจ้าทรงเลือกท่านทั้งหลายและนำท่านออกมาจากเตาเหล็กคือจากอียิปต์ ให้เป็นประชากรในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ฉธบ 9:29 เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชากรของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำเขาออกมาด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่และด้วยพระกร ที่เหยียดออกของพระองค์

“ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน” หมายถึงคนต่างชาติที่มาเชื่อวางใจพระเยซูที่ ไม่ใช่คนเชื้อชาติยิว

1 คร 1:24 แต่สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น ทั้งพวกยิวและพวกกรีก ต่างถือว่า พระคริสต์ทรงเป็นฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า

กท 3:26-28 เพราะว่า ท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าร่วมในพระเยซูคริสต์โดยความเชื่อ 27 เพราะเหตุว่าคนที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็จะสวมชีวิตพระคริสต์ 28 จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาสหรือไท จะไม่เป็นชายหรือหญิง เพราะว่าท่านเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยพระยซูคริสต์

ยน 3:16-17 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ 17 เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น

ยน 15:10 ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา เหมือนดังที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดา และยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์

2 คร 5:15 และพระองค์ได้ทรงวายพระชนม์เพื่อคนทั้งปวง เพื่อคนเหล่านั้นที่มีชีวิตอยู่จะมิได้อยู่เพื่อประโยชน์แก่ตัวเองอีกต่อไป แต่จะอยู่เพื่อพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาเพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย

2 คร 7:1 ดูก่อนท่านที่รัก เมื่อเรามีพระสัญญาเช่นนี้แล้ว ให้เราชำระตัวเราให้ปราศจากมลทินทุกอย่างของเนื้อหนัง และวิญญาณจิต และจงทำให้มีความบริสุทธิ์ครบถ้วนโดยความเกรงกลัวพระเจ้า

รม 10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราการประกาศพระคริสต์

3. แผนการของพระเจ้าคือ ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสัญญาว่าเราจะได้รับมรดกทางพระเยซูคริสต์ร่วมกับพระคริสต์(13ข-14)

3.1.แผนการของพระเจ้าคือ ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสัญญาว่าเราจะได้รับมรดกทางพระเยซูคริสต์ร่วมกับพระคริสต์
(13ข-14)

อสธ 8:2 พระราชาจึงถอดพระธำมรงค์ตรา ซึ่งพระองค์ทรงเอามาจากฮามานพระราชทานให้โมรเดคัย พระนางเอสเธอร์ก็ทรงตั้งโมรเดคัยเป็นใหญ่เหนือบ้านเรือนของฮามาน

อสธ 8:10 และเขาเขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัสและประทับตราพระธำมรงค์ของพระราชา และส่งจดหมายนั้นไปทางผู้เดินข่าวขึ้นม้าเร็วซึ่งเคยใช้ในราชการของพระราชา อันเป็นพันธุ์ม้าหลวง

อสย 29:11 และแก่ท่านทั้งหลาย นิมิตนี้ทั้งสิ้นได้กลายเป็นเหมือนถ้อยคำในหนังสือที่ประทับตรา เมื่อคนให้แก่คนหนึ่งที่อ่านได้ กล่าวว่า "อ่านนี่ซี" เขาว่า "ข้าอ่านไม่ได้เพราะมีตราประทับ"

ปฐก 17:9-14 พระเจ้าตรัสแก่อับราฮัมว่า "เจ้าเองก็ดี เชื้อสายของเจ้าที่สืบตลอดชั่วชาตพันธุ์ของเขาก็ดี จงรักษาพันธสัญญาของเรา 10 นี่เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเจ้าจะต้องรักษาระหว่างเรากับเจ้า และเชื้อสายของเจ้าที่จะสืบมา คือผู้ชายทุกคนจะต้องเข้าสุหนัต 11 เจ้าจงเข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเจ้า นี่จะเป็นหมายสำคัญของพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้า 12 ผู้ชายที่มีอายุแปดวันต้องเข้าสุหนัต คือชายทุกคนตลอดชั่วชาตพันธุ์ของเจ้า เป็นคนที่เกิดในบ้านของเจ้าก็ดี หรือที่เอาเงินซื้อมาจากคนต่างด้าวใดๆ ซึ่งมิใช่พงศ์พันธุ์ของเจ้าก็ดี 13 ทั้งผู้ที่เกิดในบ้านของเจ้าและที่เอาเงินของเจ้าซื้อมาจะต้องเข้าสุหนัต ดังนี้แหละพันธสัญญาของเราจะได้อยู่ที่เนื้อของเจ้า เป็นพันธสัญญานิรันดร์ 14 ชายใดๆที่มิได้เข้าสุหนัต มิได้เข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาต จะต้องถูกตัดออกจากชนชาติของเขา เขาได้ละเมิดพันธสัญญาของเรา"

ฮบ 4:11 เหตุฉะนั้น ขอให้เราทั้งหลายพยายามที่จะได้เข้าสู่การพำนักนั้น เพื่อจะได้ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดหลงไป เหมือนคนที่ไม่เชื่อฟังเหล่านั้น

อสย 44:3 เพราะเราจะเทน้ำลงบนแผ่นดินที่กระหาย และลำธารลงบนดินแห้ง เราจะเทวิญญาณของเราเหนือเชื้อสายของเจ้า และพรของเราเหนือลูกหลานของเจ้า

ยอล 2:28-29 "ต่อมาภายหลังจะเป็นอย่างนี้ คือเราจะเทพระวิญญาณของเรามาเหนือมนุษย์ทั้งปวงบุตรชายบุตรหญิงของเจ้าทั้งหลายจะเผยพระวจนะ คนชราของเจ้าจะฝัน และคนหนุ่มของเจ้าจะเห็นนิมิต 29 ในกาลครั้งนั้นเราจะเทพระวิญญาณของเรา มาเหนือกระทั่งคนใช้ชายหญิง

ยน 14:16-17 เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป 17 คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน

ยน 14:25-26 "เราได้กล่าวคำเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย เมื่อเรายังอยู่กับท่าน 26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว

ยน 16:7-15 อย่างไรก็ตามเราจะบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือการที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป องค์พระผู้ช่วยก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน 8 เมื่อพระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความผิด ความชอบธรรม และการพิพากษา 9 ในเรื่องความผิดนั้น คือเพราะเขาไม่วางใจในเรา 10 ในเรื่องความชอบธรรมนั้น คือเพราะเราไปหาพระบิดา และท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเราอีก 11 ในเรื่องการพิพากษานั้น คือ เพราะเจ้าโลกนี้ถูกพิพากษาแล้ว 12 "เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกแก่ท่านทั้งหลาย แต่เดี๋ยวนี้ท่านยังรับไว้ไม่ได้ 13 เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัส สิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น 14 พระองค์จะทรงให้เราได้รับเกียรติ เพราะว่าพระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย 15 ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นเป็นของเรา เหตุฉะนั้นเราจึงกล่าวว่า พระวิญญาณทรงเอาสิ่งซึ่งเป็นของเรานั้น มาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย

กจ 1:14 พวกเขาร่วมใจกันขะมักเขม้นอธิษฐานพร้อมกับพวกผู้หญิง และมารีย์มารดาของพระเยซูและพวกน้องชายของพระองค์ด้วย

กจ 2:38 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า "จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมา ในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์สิ้นทุกคนเพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านเสีย แล้วท่านจะได้รับพระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์

รม 8:16 พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า

1คร 3:16 ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน

3.2.พระวิญญาณเป็นเหมือนมัดจำที่พระเจ้าทำสัญญาไว้กับเรา (14)

1 ปต 1:3-4 สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เรา ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่ เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่ โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ 4 และเพื่อให้ได้รับมรดก ซึ่งไม่รู้เปื่อยเน่า ปราศจากมลทิน และไม่ร่วงโรยซึ่งได้เตรียมไว้ในสวรรค์เพื่อท่านทั้งหลาย

2 คร 1:22 และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย

2 คร 5:5 แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้เตรียมเราไว้สำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ และพระองค์ได้ทรงโปรดประทานพระวิญญาณเป็นมัดจำไว้กับเรา

รม 8:32 พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย ด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ

1 คร 3:13-15 การงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะวันเวลาจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร 14 ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน 15 ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทน แต่ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ

รม 8:9 ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆแล้วท่านก็มิได้อยู่ใต้เนื้อหนัง แต่อยู่ใต้พระวิญญาณ ผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์

กท 5:16-17 แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ อย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง 17 เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้

กท 6:7-8 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น 8 ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น

Sunday, June 21, 2009

แผนการณ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ตอนที่ 1 โดย อ.กอบชัย

แผนการณ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ตอนที่ 1
อฟ 1:1-6
เปาโล ผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เรียน ธรรมิกชน 2 ขอให้พระคุณและสันติสุขจากพระบิดาเจ้าของเรา และจากพระเยซูคริสตเจ้า ดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายด้วยเถิด 3 สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ผู้ทรงโปรดประทานพระพรฝ่ายวิญญาณแก่เรานานาประการ ในสวรรคสถานโดยพระคริสต์ 4 ในพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์ 5 พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ด้วยความรักก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์ 6 เพื่อจะให้เป็นที่สรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งทรงโปรดประทานแก่เราในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์

เป็นจดหมายฝากที่อ.เปาโล เขียนไปถึงคริสตจักรต่างๆรอบๆคริสตจักรเอเฟซัส ที่เรียกว่า แคว้นเอเซียน้อย (Asia Minor) ปัจจุบันคือประเทศตรุกี เป็นจดหมายที่เขียนให้เวียนอ่านทุกคริสตจักร ซึ่งน่าจะรวมถึงคริสตจักร สเมอร์น่า เปอร์กามัม ทิยาธิรา ซาร์ดิส ฟิลาเดลเฟีย เอาดีซัย โคโลสี และคริสตจักรอื่นๆในบริเวณนั้น

เมืองเอเฟซัสเป็นเมืองที่สำคัญ 1 ใน 5 เมืองของอาณาจักรโรมัน เมื่องอื่นๆคือ โรม โครินทร์ อันทิโอค อเล็กซานเดรีย

เป็นเมืองที่บูชา เทพี กรีก Greek Goddess ชื่อ อาร์ทิมิส Artimis ( คนโรมเรียก Diana) วิหารของ อาร์ทิมิส หรือ ไดอาน่า ที่เมืองเอเฟซัส มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถิอเป็นหนึ่งในสิ่งมหัสจรรย์ของโลก จากการสร้างของมนุษย์ในสมัยนั้น

อ.เปาโลพยายามหนุนใจพี่น้องคริสเตียน ให้เข้าใจถึงธรรมชาติและจุดประสงค์ของการที่คริสเตียนมารวมตัวกันเป็นคริสตจักร หรือร่างกายของพระเยซูคริสต์

1. พระเจ้าเป็นแหล่งเริ่มต้นของแผนการทั้งมวล (1-2)

เปาโลผู้รับใช้ที่พระเจ้าเรียกมาเพื่อรับใช้อย่างสัตย์ซื่อ

คำว่า “อัครทูต” หมายถึง “ผู้ที่ถูกส่งออกไป เพื่อส่งข้อความที่สำคัญ” ในพระคัมภีร์ อัครทูตคือ ผู้แทนของพระเจ้าที่พระเจ้าส่งออกไป เพื่อนำข่าวประเสริฐออกไปประกาศ และตั้งคริสตจักร และดูแลคริสตจักร ทั้งหลายด้วยการสั่งสอนและการฝึกการดำเนินชีวิตขชองพี่น้องในคริสตจักรนั้นๆ

“ผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า” อ.เปาโลไม่ได้เป็นอัครทูต 12 คนแรกที่พระเยซูแต่งตั้ง แต่ถูกพระเยซูแต่งตั้งตามพระดำริของพระองค์ ใน กจ 9:15-16 แม้เดิมจะทำบาปมากมาย

กจ 9:15-17 ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับท่านว่า "จงไปเถิด เพราะว่าคนนั้นเป็นภาชนะที่เราได้เลือกสรรไว้ สำหรับจะนำนามของเราไปยังประชาชาติ กษัตริย์และพวกอิสราเอล 16 เพราะว่าเราจะสำแดงให้เขาเห็นว่า เขาจะต้องทนทุกข์ลำบากมากเท่าใดเพราะนามของเรา"

คริสเตียนในเมืองเอเฟซัส ผู้ที่สัตย์ซื่อในพระเจ้า
เอเฟซัส 1:1 เปาโล ผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เรียน ธรรมิกชน

“ธรรมิกชน” หรือ Saints หมายถึง ผู้ที่ถูกพระเจ้าแยกออกมา ไม่ใช่เพราะความดีงามในชีวิตของเขา แต่เพราะพระเจ้ามีพระดำริแยกเขาออกมาจากโลกนี้เพื่อจะมาดำเนินชีวิตในความชอบธรรมของพระเจ้า เพื่อเป็นที่ถวายเกียรติพระองค์

พระเจ้าผู้ทรงประทานพระคุณและสันติสุขแก่เรา
อฟ 1:2 ขอให้พระคุณและสันติสุขจากพระบิดาเจ้าของเรา และจากพระเยซูคริสตเจ้า ดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายด้วยเถิด

“พระคุณ” พระเมตตากรุณา ที่พระเจ้าประทานให้เราทั้งๆที่เราไม่สมควรจะได้รับ
อฟ 2:4-5 ในพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์ 5 พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ด้วยความรักก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์

อฟ 2:8
ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้

“สันติสุข” คือ สันติภาพที่พระเจ้าประทานให้แก่เรา เรากับพระเจ้าไม่ได้เป็นศัตรูกันอีกต่อไป พระเจ้าและเราสามารถเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกันได้ เมื่อเรากลับใจ และสารภาพบาปต่อพระเยซูคริสต์ และเชิญพระองค์มาเป็นพระเจ้าในชีวิตของเรา

ยน 14:27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย

2. พระเจ้าเป็นผู้วางแผนให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า (3-6)

2.1 พระเจ้าเลือกเราไว้ให้เป็นบุตรของพระองค์ ตั้งแต่ก่อนก่อร่างสร้างโลก(4-5)

2.1.1 พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์ชอบธรรม และ ยุติธรรม

(ก.) พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์ ไม่มีบาป

อสย 6:3 ต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า "บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์"

สดด 99:3 ให้เขาสรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่และน่าคร้ามกลัวของพระองค์ พระองค์ศักดิ์สิทธิ์

สดด 99:5 จงยอพระเกียรติพระเจ้าของเรา นมัสการที่แท่นรองพระบาทของพระองค์ พระองค์บริสุทธิ์

สดด 99:9 จงยอพระเกียรติพระเจ้าของเรา และนมัสการที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เพราะพระเจ้าของเราบริสุทธิ์

อสย 6:5 และข้าพเจ้าว่า "วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่สะอาด และข้าพเจ้าอยู่ในหมู่ชนชาติที่ริมฝีปากไม่สะอาด เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือพระเจ้าจอมโยธา"

พระเจ้า ทรงบิรสุทธิ์ หมายความว่า พระองค์มีความบริสุทธิ์ และไม่สามารถอยู่เกลือกกลั้วกับความบาปได้

(ข.) พระเจ้าทรงถูกต้องชอบธรรม และ ยุติธรรม

พระเจ้ายึดมั่นบนความจริง และความถูกต้องเสมอ
อสย 45:19 เรามิได้พูดในที่ลี้ลับ ในที่หนึ่งที่ใดของแผ่นดินมืด เรามิได้กล่าวแก่เผ่าพันธุ์ของยาโคบว่า 'จงแสวงเราในที่ยุ่งเหยิง' เราคือพระเจ้า พูดความจริง เราแจ้งสิ่งที่ถูกต้องให้ทราบ

พระเจ้าทรงชอบธรรม
อสร 9:15 ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลพระองค์ชอบธรรม เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นคนที่เหลืออยู่ซึ่งรอดพ้นมาอย่างทุกวันนี้ ดูเถิด ข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ มีกรรมชั่วของข้าพระองค์อยู่ เพราะไม่มีสักคนเดียวที่จะยืนต่อพระพักตร์พระองค์ได้เหตุเรื่องนี้"

สดด 119:137
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ชอบธรรม และคำพิพากษาของพระองค์ก็ถูกต้อง

ฉธบ 32:4 "พระศิลา พระราชกิจของพระองค์ก็สมบูรณ์ พระมรคาทั้งหลายของพระองค์ก็ยุติธรรม พระเจ้าที่เที่ยงธรรมและปราศจากความผิด พระองค์ทรงยุติธรรมและเที่ยงตรง

2ธส 1:6 เพราะว่าพระเจ้าทรงเห็นว่า เป็นการยุติธรรมแล้วที่จะทรงเอาความยากลำบาก ไปสนองคนเหล่านั้นที่ก่อความยากลำบากให้กับท่านทั้งหลาย

ดนล 4:37 บัดนี้ตัวเราคือเนบูคัดเนสซาร์ ขอสรรเสริญ ยกย่องและถวายพระเกียรติแด่พระมหาราชาแห่งสวรรค์ เพราะว่าพระราชกิจของพระองค์ก็ถูกต้อง และพระมรรคาของพระองค์ก็เที่ยงธรรม บรรดาผู้ดำเนินอยู่ในความเย่อหยิ่ง พระองค์ก็ทรงสามารถให้ต่ำลง

 พระเจ้าทรงถูกต้องชอบธรรม และยุติธรรม หมายความว่า พระเจ้าจะทรงกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง พระองค์เป็นผู้วางบรรทัดฐานว่าสิ่งใมดถูกต้องและยุติธรรม

(ค.) พระเจ้าทรงพอพระทัยในความดี และ พระองค์ทรงกระทำสิ่งดี

ลก 18:19 พระเยซูตรัสถามคนนั้นว่า "ท่านเรียกเราว่าประเสริฐทำไม ไม่มีใครประเสริฐ เว้นแต่พระเจ้าองค์เดียว

สดด 100:5 เพราะพระเจ้าประเสริฐ ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ และความสัตย์สุจริตของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาตพันธุ์

ยก 1:17 ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน และส่งลงมาจากพระบิดาแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระบิดาไม่มีการแปรปรวน หรือไม่มีเงาอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง

พระเจ้าทรงเป็นความดี และพอพระทัยในความดีงาม พระองค์จึงอยู่กับความบาปความชั่วไม่ได้

2.1.2 พระเจ้าทรงเลือกเราก่อนที่พระองค์จะสร้างจักรวาลและโลกนี้ (4)

พระเจ้าอวยพรอับราฮัมและชนชาติอื่นๆ ผ่านทางอับราฮัม
ปฐก 12:7 พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ให้ปรากฏแก่อับราม ตรัสว่า "ดินแดนนี้เราจะยกให้พงศ์พันธุ์ของเจ้า" อับรามสร้างแท่นที่นั่นถวายบูชาแก่พระเจ้าผู้สำแดงพระองค์ให้ปรากฏแก่ท่าน

คำของโมเสส ที่เตือนคนอิสราเอล
ฉธบ 7:6-7 "เพราะว่าพวกท่านเป็นชนชาติบริสุทธิ์สำหรับพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกท่านออกจากชนชาติทั้งหลายที่อยู่บนพื้นโลก ให้มาเป็นชนชาติในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ 7 ที่พระเจ้าทรงรักและทรงเลือกท่านทั้งหลายนั้น มิใช่เพราะท่านทั้งหลายมีจำนวนมากกว่าประชาชนชาติอื่น ด้วยว่าในบรรดาชนชาติทั้งหลาย ท่านเป็นจำนวนน้อยที่สุด

ฉธบ 7:9 เหตุฉะนี้พึงทราบเถิดว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นพระเจ้า เป็นพระเจ้าสัตย์ซื่อผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง ต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ถึงพันชั่วอายุคน

ไม่มีใครจะมาถามหรือเถียงพระเจ้าได้ว่า ทำไมถึงมีแผนการอย่างนั้น อย่างนี้ เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของพระเจ้าแก่พระองค์เดียว

ดนล 4:34-35 เมื่อสิ้นสุดวาระนั้นแล้ว ตัวเราเนบูคัดเนสซาร์ก็แหงนหน้าดูฟ้าสวรรค์ และจิตปกติของเราก็คืนมา และเราก็สาธุการแด่ผู้สูงสุดนั้น และสรรเสริญถวายเกียรติยศแด่พระองค์ผู้ดำรงอยู่เป็นนิตย์ เพราะราชอาณาจักรของพระองค์ เป็นราชอาณาจักรนิรันดร์และแผ่นดินของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ 35 สำหรับพระองค์ชาวพิภพทั้งสิ้นนับว่าไม่มีค่าท่ามกลางชาวสวรรค์นั้นพระองค์ทรงกระทำตามชอบพระทัยพระองค์ และท่ามกลางชาวพิภพด้วย และไม่มีผู้ใดยับยั้งพระหัตถ์ของพระองค์ได้ หรือตรัสถามพระองค์ได้ว่า "พระองค์ทรงกระทำสิ่งใด"

รม 9:18 เหตุฉะนั้นพระองค์จะทรงพระกรุณาแก่ผู้ใด ก็จะทรงพระกรุณาผู้นั้น และพระองค์จะทรงให้ผู้ใดมีใจแข็งกระด้าง ก็จะทรงให้ผู้นั้นมีใจแข็งกระด้าง

รม 9:20-21 แต่ว่าท่านคือใคร คือมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านจะโต้ตอบกับพระเจ้าได้อย่างไร สิ่งซึ่งถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า "ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้" 21ส่วนช่างปั้นหม้อ ไม่มีสิทธิที่จะเอาดินก้อนเดียวกัน มาปั้นเป็นภาชนะที่สวยงามอันหนึ่ง และภาชนะใช้สอยอันหนึ่งหรือ

การที่พระเจ้าทรงเลือกเรา มีลักษณะ 3 ประการ

(ก) “ในพระคริสต์” เราถูกเลือกให้ได้รับการช่วยกู้ทรงพระเยซูคริสต์

รม 8:32-34 พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย ด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ 33ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้ พระเจ้าทรงโปรดให้พ้นโทษแล้ว 34ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์น่ะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิตณเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย

พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อเราได้รับความรอดจากความบาป และความตาย

(ข) เป็นแผนการที่พระเจ้าดำริไว้ตั้งแต่ก่อนที่ตจะทรงสร้างโลก

2ทธ 1:9 ผู้ทรงช่วยเราให้รอด และทรงให้เรามาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่การดีที่เราได้กระทำ แต่เพราะเห็นแก่พระประสงค์ของพระองค์เอง และพระคุณซึ่งทรงประทานแก่เรา ในพระเยซูคริสต์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มานั้น

2ธส 2:13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราจำต้องขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอยู่เสมอ เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเลือกท่านไว้ตั้งแต่เดิม {สำเนาต้นฉบับบางฉบับว่า เป็นผลแรก} ให้ถึงที่รอด โดยพระวิญญาณทรงชำระท่านให้บริสุทธิ์ และโดยท่านได้เชื่อความจริง

ก่อนเริ่มทรงสร้างสรรพสิ่ง พระองค์ได้ทรงมีแผนการนิรันดร์ ที่จะกู้เราให้รอดทางพระเยซูคริสต์

(ค) พระองค์มีพระประสงค์เจาะจง คือ “เพื่อให้เราบริสุทธิ์ และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรพระองค์”

1ปต 1:15-16 แต่เพราะพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านทั้งหลายนั้นบริสุทธิ์ ท่านทั้งหลายจงประพฤติให้บริสุทธิ์พร้อมทุกประการ 16ดังที่มีพระวจนะเขียนไว้แล้วว่า ท่านทั้งหลายจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์

พระเจ้ากู้เราจากบาป และการพิพากษาเพื่อ ให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในความบริสุทธิ์ของพระเจ้า บริสุทธิ์ คือ การถูกแยกออกมาเพื่อพระเจ้า เพื่อจะสะท้อนพระลักษณะของพระองค์

รม 8:29 เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉาย แห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก

ฮบ 9:14 พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ผู้ได้ทรงถวายพระองค์เอง แด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ ก็จะทรงชำระได้มากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เพื่อให้จิตใจของคนที่หมกมุ่นในการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย หันไปรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

เราถูกเลือกมาเพื่อจะดำเนินชีวิตใหม่ในทางของพระเจ้า เราจึงควรอยู่ในชีวิตใหม่นี้ด้วยการมีเป้าหมายใหม่ ที่พระเจ้าประทานให้ และ ปรารถนาที่จะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า

2.1.3 พระเจ้าเลือกเราเป็นบุตร เพราะพระองค์รักเรา (5 )

เราจึงควรตอบแทนความรักพระเจ้าด้วยการเชื่อฟัง ติดตามและปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ

2.2 พระเจ้าดำริที่จะทรงอวยพรแก่เรามากมายผ่านทางพระเยซูคริสต์ (3,6)

เราเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของพระคริสต์ พระเยซูเป็นศีรษะของเรา

รม 12:4-5 เพราะว่า ในร่างกายอันเดียวนั้น เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆมิได้มีหน้าที่เหมือนกันฉันใด 5พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น

 พระเจ้าอวยพระพรฝ่ายวิญญาณนานาประการแก่เรา
ตัวอย่าง
รม 3:24 เราได้รับความชอบธรรมทางพระเยซู
รม 8:1 เราถูกปรับให้พ้นคำกล่าวหาทั้งปวง
รม 8:2 เราถูกปลดปล่อยจากกฎแห่งความบาปและความตาย
1 คร 1:2 เราถูกชำระให้บริสุทธิ์ และ พระเยซูยอมรับเรา
1 คร 15:17 เราเป็นสิ่งที่ถูกสร้างใหม่
1 คร 15:22 เราจะมีชีวิตนิรันดร์เมื่อพระเยซูกลับมา
อฟ 2:6 เราถูกพระเจ้ายกให้นั่งร่วมกับพระเยซูในวันสุดท้าย
อฟ 3:12 เราสามารถเข้ามาใกล้พระเจ้าด้วยเสรีภาพและความมั่นใจ
อฟ 6:10-13 เราต่อสู้กับพญามารได้
คส 2:10 เราได้รับความครบบริบูรณ์
คส 2:11 เราถูกปลดปล่อยให้หลุดพ้นจากธรรมชาติบาป
2 ทธ 2:10 เราจะมีศักดิ์ศรีนิรันดร์
วว 3:21 เรามีชัยชนะร่วมกับพระเยซูคริสต์

พระเจ้ามีพระประสงค์ที่ทรงเลือกเราที่เชื่อ ก็เพื่อให้เราได้ภวายคำสรรเสริญแด่พระองค์

อฟ 1:6 เพื่อจะให้เป็นที่สรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งทรงโปรดประทานแก่เราในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์

เราสรรเสริญพระองค์ได้อย่างสุดใจเพราะเราได้รับพระคุณอันยิ่งใหญ่สูงสุดคือ การไถ่บาปของพระเยซูคริสต์

รม 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา

2คร 5:15 และพระองค์ได้ทรงวายพระชนม์เพื่อคนทั้งปวง เพื่อคนเหล่านั้นที่มีชีวิตอยู่จะมิได้อยู่เพื่อประโยชน์แก่ตัวเองอีกต่อไป แต่จะอยู่เพื่อพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาเพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย

ฮบ 13:21 โดยโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดร์นั้น ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีทุกสิ่งที่ดี เพื่อจะได้ปฏิบัติตามพระทัยพระองค์ และทรงทำงานในท่านทั้งหลาย ให้เกิดผลเป็นที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์ โดยพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน

1ปต 2:5 และท่านทั้งหลายก็เสมือนศิลาที่มีชีวิต ที่กำลังก่อขึ้นเป็นพระนิเวศฝ่ายพระวิญญาณ เป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ เพื่อถวายสักการบูชาฝ่ายวิญญาณ ที่ชอบพระทัยของพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์

และเราถวายการสรรเสริญพระเจ้าสูงสุดด้วยการดำเนินชีวิต ความดี ชอบพระทัยพระเจ้า

Monday, June 15, 2009

อาทิตย์ที่21นี้ตกลงเราได้ใช้ชั้น16เหมือนเดิมนะครับ

อาทิตย์ที่21นี้ตกลงเราได้ใช้ชั้น16เหมือนเดิมนะครับ
ไม่ต้องย้ายครับ

Sunday, June 14, 2009

ท่าทีของผู้เลี้ยงที่พระเจ้าพอพระทัย โดย อ.กอบชัย

ท่าทีของผู้เลี้ยงที่พระเจ้าพอพระทัย

1 ปต 5:2-4
2 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่าน ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจแต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของที่ได้มาโดยทุจริต แต่ด้วยใจเลื่อมใส 3 และไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น 4 และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่านทั้งหลายจะรับศักดิ์ศรีเป็นมงกุฎที่ร่วงโรยไม่ได้เลย

1.เลี้ยงดูแกะที่พระเจ้ามอบให้ดูแลอย่างเต็มที่ (2ก)

1.1.เราต้องเลี้ยงดูแกะ

ยน 21:15-17
15 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเรามากกว่าเหล่านี้หรือ" เขาทูลพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด" 16 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงดูแลแกะของเราเถิด" 17 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เปโตรก็เป็นทุกข์ใจที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า "เจ้ารักเราหรือ" เขาจึงทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพระองค์รักพระองค์" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "จงเลี้ยงแกะของเราเถิด

1.1.1. เลี้ยงดูแกะ

1.1.2. แกะของพระเจ้า

กจ 20:28 ท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี และจงรักษาฝูงแกะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงตั้งท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และเพื่อจะได้ปกครองคริสตจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง

1.2 เลี้ยงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของเรา

2. เราต้องเลี้ยงแกะด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ฝืนใจ (2ข)

3. เลี้ยงแกะด้วยความเลื่อมใส ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของ (2ค)

3.1.ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของที่ได้มาโดยทุจริต คือ ไม่ใช่เลี้ยงแกะเพราะอยากได้ทรัพย์สิ่งของจากแกะ

กจ 20:33-35 ข้าพเจ้ามิได้โลภเงินหรือทอง หรือเสื้อผ้าของผู้ใด 34ท่านทั้งหลายทราบว่า มือของข้าพเจ้าเองได้จัดหาปัจจัยสำหรับตัวข้าพเจ้า กับคนที่อยู่กับข้าพเจ้า 35ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้ให้ท่านทุกอย่างแล้ว ให้เห็นว่าโดยทำงานเช่นนี้ควรจะช่วยคนที่มีกำลังน้อย ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"

1 ธส 2:8-9 เมื่อเรารักท่านอย่างนี้แล้ว เราก็มีใจพร้อมที่จะเผื่อแผ่เจือจาน มิใช่แต่เพียงข่าวประเสริฐของพระเจ้าเท่านั้น แต่อุทิศตัวเราให้แก่ท่านด้วย เพราะท่านเป็นที่รักยิ่งของเรา 9 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำได้ถึงการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบากของเรา เมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า ให้ท่านฟัง เราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเราจะไม่เป็นภาระแก่ผู้ใดในพวกท่าน

3.2 เลี้ยงแกะด้วยความเลื่อมใส

2 ทธ 4:2 ให้ประกาศพระวจนะ ให้ขะมักเขม้นที่จะทำการทั้งในขณะที่มีโอกาสและไม่มีโอกาส ให้ชักชวนด้วยเหตุผล เตือนสติและตักเตือนให้อดทนอยู่เสมอในการสั่งสอน

กจ 18:18-20 ต่อมาเปาโลได้พักอยู่ที่นั่นอีกหลายวัน แล้วท่านจึงลาพวกพี่น้องแล่นไปยังแคว้นซีเรีย และปริสสิลลากับอาควิลลาก็ไปด้วย เปาโลได้กล้อนผมที่เมืองเคนเครีย เพราะท่านได้บนตัวไว้ 19ครั้นมายังเมืองเอเฟซัส เปาโลได้ละปริสสิลลากับอาควิลลาไว้ที่นั่น แต่ท่านเองได้เข้าไปพูดกับพวกยิวในธรรมศาลา 20เมื่อคนเหล่านั้นขอให้ท่านอยู่กับเขาต่อไป ท่านก็ไม่ยอม

4. เลี้ยงแกะด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ฝูงแกะ ไม่ใช้อำนาจข่มขู่แกะให้เชื่อฟัง (3)

4.1. ไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขู่ผู้ที่อยู่ใต้สิทธิอำนาจ ไม่ใช่ใช้อำนาจสั่งแกะให้ทำนั่นทำนี่ ใช้คำพูดแบบวางอำนาจเหนือแกะ ใช้อำนาจในการนำแกะแบบไม่สนใจจิตใจแกะ

4.2. เลี้ยงแกะด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีต่อแกะ

กท 5:22-24 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ 23 ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย 24 ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยาก และตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว

มธ 20:25-28 พระเยซูทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสว่า "ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าผู้ครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้าเหนือเขา และผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ใช้อำนาจบังคับ 26 แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย 27 ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นเอกเป็นต้น ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสสมัครของพวกท่าน 28 อย่างที่บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก"

1ทธ 4:11-12 จงสั่งและสอนสิ่งเหล่านี้ 12 อย่าให้ผู้ใดหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและการประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์

ฟป 4:9 จงกระทำทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และได้รับไว้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน

1 ธส 1:7-10 เพราะเหตุนั้นท่านจึงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อแล้ว ในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายา 8 เพราะว่า พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้เลื่องลือออกไปจากเธสะโลนิกา ไม่ใช่แต่ในแคว้นมาซิโดเนียและในแคว้นอาคายาเท่านั้น แต่ความเชื่อของท่านในพระเจ้าได้ลือไปทุกแห่งหน จนเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก 9 เพราะคนเหล่านั้นก็ได้รายงานเกี่ยวกับเราว่า เราได้รับการต้อนรับจากพวกท่านอย่างไร และกล่าวถึงการที่ท่านได้ละทิ้งรูปเคารพและหันมาหาพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้ 10 และรอคอยพระบุตรของพระเจ้าจากสวรรค์ ซึ่งพระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นมาจากความตาย คือพระเยซูผู้ทรงช่วยให้เราพ้นจากพระอาชญาที่จะมีมาภายหน้านั้น

1ทธ 1:16 แต่ว่าเพราะเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงได้รับพระกรุณา คือว่า เพื่อพระเยซูคริสต์จะได้ทรงสำแดงความอดกลั้นพระทัยทุกอย่าง ให้เห็นในตัวข้าพเจ้าซึ่งเป็นตัวเอกนั้น ให้เป็นแบบอย่างแก่คนทั้งปวง ที่จะเชื่อในพระองค์ แล้วรับชีวิตนิรันดร์

5. พระเยซูจะประทานรางวัลแก่พี่เลี้ยงที่สัตย์ซื่อ

ฮบ 13:20 ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าของเราเป็นขึ้นมาจากความตาย คือผู้ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดีเลิศ

1 คร 9:24-25 ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้ 25ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ เขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้ แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย

ฟป 3:14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ

1 คร 3:11-15 เพราะว่าผู้ใดจะวางรากอื่นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากที่วางไว้แล้วคือพระเยซูคริสต์ 12บนรากนั้นถ้าผู้ใดจะก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟาง 13การงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะวันเวลาจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร 14ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน 15ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทน แต่ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ

กท 6:7-9 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น 8ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น 9อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร

Saturday, June 13, 2009

ค่ายพี่เลี้ยง1,2 13มิถุนายน2009







ค่ายพี่เลี้ยงครั้งแรกของเราจัดที่ ห้องประชุม สภาคริสตจักรในประเทศไทย เช้าถึงเย็นวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน 2009



แบ่งเป็น 2 ชั้นเรียน พี่เลี้ยง1 สำหรับผู้ที่ไม่เคยเป็นพี่เลี้ยงมาก่อนมีผู้สมัคร60คน และ พี่เลี้ยง2 สำหรับผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นพี่เลี้ยงมีผู้สมัคร89คน



Sunday, June 7, 2009

การช่วยกู้จากพระเจ้า โดย อ.เวทิต

การช่วยกู้จากพระเจ้า
2 พกษ.4:1-7
ภรรยาของคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะร้องต่อเอลีชาว่า "ผู้รับใช้ของท่าน คือสามีของดิฉันสิ้นชีวิตเสียแล้ว และท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าผู้รับใช้ของท่านเกรงกลัวพระเจ้า แต่เจ้าหนี้ได้มา เพื่อนำเอาบุตรสองคนของดิฉันไปเป็นทาสของเขา" 2 และเอลีชาตอบนางว่า "บอกฉันมาซิว่า จะให้ฉันทำอะไรให้ เจ้ามีอะไรอยู่ในบ้านบ้าง" และนางตอบว่า "สาวใช้ของท่านไม่มีอะไรในบ้านนอกจากน้ำมันหนึ่งไห" 3 แล้วท่านกล่าวว่า "จงออกไปนอกบ้าน ขอยืมภาชนะจากเพื่อนบ้านทุกคนของเจ้ามา เป็นภาชนะเปล่า อย่าให้น้อย 4 แล้วจงเข้าไปในเรือน ปิดประตูขังตัวเจ้าและลูกชายของเจ้าไว้ และจงเทน้ำมันใส่ภาชนะทั้งหมด เมื่อลูกหนึ่งๆเต็มแล้วก็ตั้งไว้ต่างหาก" 5 นางก็ลาไป และปิดประตูขังนางและบุตรของนางไว้ บุตรส่งภาชนะมาให้ และนางก็เทน้ำมัน 6 และอยู่มาเมื่อภาชนะเต็มหมดแล้วนางจึงบอกบุตรว่า "เอาภาชนะมาให้แม่อีกลูกหนึ่ง" และเขาตอบนางว่า "ไม่มีอีกแล้ว" แล้วน้ำมันก็หยุดไหล 7 นางก็ไปเรียนให้คนของพระเจ้าทราบและท่านบอกว่า "ไปซี ขายน้ำมันเสียเอาเงินชำระหนี้ของเจ้า ที่เหลือนอกนั้นเจ้าและบุตรของเจ้า จงใช้เลี้ยงชีวิต"

เอลีชากับการอัศจรรย์
Miracles in the Career of Elisha:
1) Parting of the Jordan (2Ki 2:14)
2) Healing of the waters (2Ki 2:21)
3) Curse of the she bears (2Ki 2:24)
4) Filling of the valley with water (2Ki 3:17)
5) Deception of the Moabites with the valley of blood (2Ki 3:22)
6) Miracle of the vessels of oil (2Ki 4:4)
7) Prophecy that the Shunammite woman would have a son (2Ki 4:16)
8) Resurrection of the Shunammite's son (2Ki 4:34)
9) Healing of the gourds (2Ki 4:41)
10) Miracle of the bread (2Ki 4:43)
11) Healing of Naaman (2Ki 5:14)
12) Perception of Gehazi's transgression (2Ki 5:26)
13) Cursing Gehazi with leprosy (2Ki 5:27)
14) Floating of the axe head (2Ki 6:6)
15) Prophecy of the Syrian battle plans (2Ki 6:9)
16) Vision of the chariots (2Ki 6:17)
17) Smiting the Syrian army with blindness (2Ki 6:18)
18) Restoring the sight of the Syrian army (2Ki 6:20)
19) Prophecy of the end of the great famine (2Ki 7:1)
20) Prophecy that the scoffing nobleman would see, but not partake of, the abundance (2Ki 7:2)
21) Deception of the Syrians with the sound of chariots (2Ki 7:6)
22) Prophecy of the seven-year famine (2Ki 8:1)
23) Prophecy of Benhadad's untimely death (2Ki 8:10)
24) Prophecy of Hazael's cruelty to Israel (2Ki 8:12)
25) Prophecy that Jehu would smite the house of Ahab (2Ki 9:7)
26) Prophecy that Joash would smite the Syrians at Aphek (2Ki 13:17)
27) Prophecy that Joash would smite Syria thrice but not consume it (2Ki 13:19)
28) Resurrection of the man touched by his bones (2Ki 13:21)

ลนต.25:8-10 เจ้าจงนับปีสะบาโตเจ็ดปีคือเจ็ดคูณเจ็ดปี เวลาปีสะบาโตเจ็ดปีจึงเป็นสี่สิบเก้าปีแก่เจ้า 9 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันทำการลบมลทิน 10 เจ้าจงถือปีที่ห้าสิบไว้เป็นปีบริสุทธิ์ และประกาศอิสรภาพแก่บรรดาคนที่อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินของเจ้า ให้เป็นปีเสียงเขาสัตว์แก่เจ้า ให้ทุกคนกลับไปยังภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตน และกลับไปสู่ตระกูลของตน

การใช้น้ำมันในสมัยพระคัมภีร์เดิม

เจิมตั้ง
อพย.29:7 จงเอาน้ำมันเจิมเทลงบนศีรษะของเขา และเจิมตั้งเขาไว้

1ซมอ.10:1แล้วซามูเอลก็หยิบขวดน้ำมันเทลงบนศีรษะของซาอูล และจุบท่านแล้วกล่าวว่า "พระเจ้าทรงเจิมท่านไว้ให้เป็นเจ้านายเหนืออิสราเอลประชากรมรดกของพระองค์แล้วมิใช่หรือ

ทาคนป่วย
มก.6:13 เขาได้ขับผีให้ออกเสียหลายผี และได้เอาน้ำมันทาคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค

ประกอบการถวายบูชา
ลนต.7:10ธัญญบูชาทุกอย่างที่เคล้าน้ำมันหรือไม่เคล้าจะตกเป็นของบุตรอาโรนทั่วกัน

ประกอบอาหาร
1พกษ.17:12 และนางตอบว่า "พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดิฉันไม่มีอะไรที่ปิ้งเสร็จ มีแต่แป้งสักกำมือหนึ่งในหม้อ และน้ำมันเล็กน้อยที่ในไห บัดนี้ดิฉันกำลังเก็บฟืนเล็กน้อย เพื่อจะเข้าไปทำสำหรับตัวดิฉัน และบุตรชายของดิฉัน เพื่อเราจะได้กินแล้วก็จะตาย"

เติมประทีป
อพย.25:6 น้ำมันเติมประทีป เครื่องเทศปรุงน้ำมันสำหรับเจิม และปรุงเครื่องหอม

1)พระเจ้าจะช่วยกู้โดยใช้สิ่งที่คุณมีอยู่แล้วก่อน (2)

มธ 14:21 ฝ่ายคนที่ได้รับประทานอาหารนั้น มีผู้ชายประมาณห้าพันคน มิได้นับผู้หญิงและเด็ก

ลก 9:14 เพราะว่าคนเหล่านั้นนับแต่ผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงสั่งเหล่าสาวกของพระองค์ว่า "จงให้คนทั้งปวงนั่งลงเป็นหมู่ๆราวหมู่ละห้าสิบคน"

1 ซมอ 17:49 และดาวิดเอามือล้วงเข้าไปในย่ามหยิบหินก้อนหนึ่งออกมา แล้วเหวี่ยงหินก้อนนั้นด้วยสายสลิงถูกคนฟีลิสเตียคนนั้นที่หน้าผาก ก้อนหินจมเข้าไปในหน้าผากเขาก็ล้มหน้าคว่ำลงที่ดิน

2)จะมีสิ่งที่เราต้องทำด้วย (3-4)

ยน 9:6-8 เมื่อตรัสดังนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงบ้วนพระเขฬะลงที่ดิน แล้วทรงเอาพระเขฬะนั้นทำเป็นโคลนทาที่ตาของคนตาบอด 7 แล้วตรัสสั่งเขาว่า "จงไปล้างโคลนออกเสียในสระสิโลอัมเถิด"  เขาจึงไปล้างแล้วกลับมาก็เห็นได้ 8 เพื่อนบ้านและบรรดาคนที่เคยเห็นชายคนนั้น เป็นคนขอทานมาก่อนก็พูดกันว่า "คนนี้ใช่ไหมที่เคยนั่งขอทาน"

3)ไม่ได้ให้เราโอ้อวด (5)

สดด.68:5 พระเจ้าในที่ประทับบริสุทธิ์ของพระองค์ ทรงเป็นพระบิดาของคนกำพร้าและทรงเป็นผู้ป้องกันหญิงม่าย

4)เราจะได้รับตามขนาดความเชื่อของเรา (6)

สภษ.17:3 เบ้ามีไว้สำหรับเงิน และเตาถลุงมีไว้สำหรับทองคำ และพระเยโฮวาห์ทรงทดลองใจ

5)การถ่อมและไม่ละโมบ (7)

สดด.33:5 พระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม แผ่นดินโลกเต็มด้วยความรักมั่นคงของพระเจ้า

สดด.146:8 พระเจ้าทรงยกคนที่ตกต่ำให้ลุกขึ้น พระเจ้าทรงรักคนชอบธรรม

ยน.3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์

ยน.15:9 พระบิดาทรงรักเราฉันใด เราก็รักท่านทั้งหลายฉันนั้น จงยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา

ยน.16:27 เพราะว่าพระบิดาเองก็ทรงรักท่านทั้งหลาย เพราะท่านรักเราและเชื่อว่าเรามาจากพระบิดา