Monday, November 16, 2009

อัศจรรย์การรักษา โดย อ.ประวัติ ตุลยธัญ

อัศจรรย์การรักษา

กจ.3:1-11
ฝ่ายเปโตรกับยอห์นกำลังขึ้นไปจะเข้าบริเวณพระวิหาร ในเวลาอธิษฐานเป็นเวลาบ่ายสามโมง 2 มีคนหนึ่งเป็นง่อยตั้งแต่คลอดออกมา ทุกวันคนเคยหามเขามาวางไว้ริมประตูพระวิหาร ซึ่งมีชื่อว่าประตูงาม เพื่อให้ขอทานจากคนที่จะเข้าไปในพระวิหาร 3 คนนั้นพอเห็นเปโตรกับยอห์นจะเข้าไปในพระวิหารก็ขอทาน 4 ฝ่ายเปโตรกับยอห์นเพ่งดูเขาบอกว่า "จงดูเราเถิด" 5 คนขอทานนั้นได้เขม้นดู คิดว่าจะได้อะไรจากท่าน 6 เปโตรกล่าวว่า "เงินและทองเราไม่มี แต่ที่เรามีอยู่เราจะให้ท่าน คือในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด" 7 แล้วเปโตรจับมือขวาของเขาพยุงขึ้น และในทันใดนั้นเท้าและข้อเท้าของเขาก็มีกำลัง 8 เขาจึงกระโดดขึ้นยืนและเดินเข้าไปในพระวิหาร ด้วยกันกับเปโตรและยอห์น เดินเต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าไป 9 คนทั้งปวงเห็นเขาเดินและสรรเสริญพระเจ้า 10 จึงรู้ว่าเป็นคนนั้นซึ่งนั่งขอทานอยู่ที่ประตูงามแห่งพระวิหาร เขาจึงพากันมีความประหลาดและอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่คนนั้น 11 เมื่อคนง่อยที่หายนั้นยังยึดเปโตรและยอห์นอยู่ ฝูงคนก็วิ่งไปหาท่านที่เฉลียงพระวิหารซึ่งเรียกว่า เฉลียงของซาโลมอนด้วยความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก

นายแพทย์ลูกาได้เขียนหนังสือกิจการไว้ และได้บันทึกเรื่องราวการรับใช้ของสาวกของพระเยซูคริสต์ตลอดในช่วงคริสตจักรสมัยแรก

มธ.8:7 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราจะไปรักษาเขาให้หาย"

เมื่อพระเยซูเข้ามาในโลก พระองค์ประกาศข่าวประเสริฐ ขับผี รักษาโรค

เมื่อพระเยซูฟื้นจากความตาย พระองค์ตามหาเปโตร เพราะทรงมองดูที่จิตใจที่ดีของเขา

1. ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการรักษา (Scene)

กจ.2:2 ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น
พระวิญญาณบริสุทธิ์เทลงมา

กจ.2:18 ในคราวนั้น เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราบนทาสทาสีของเรา และคนเหล่านั้นจะกล่าวคำพยากรณ์

การรักษาโรคอย่างอัศจรรย์จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องขอให้พระเจ้าช่วย เพราะเราไม่มีฤทธิ์เดชอะไร แต่พระเจ้าทรงพระชนม์และเมื่อ
พระองค์สถิตกับเรา การทรงสถิตของพระเจ้าจะนำมาซึ่งการรักษาโรค อย่าเน้นที่โรค แต่เน้นที่การทรงสถิตของพระเจ้า
เช่นกันเมื่อเราพบกับปัญหา ให้เราเน้นการการทรงสถิตของพระเจ้าไม่ใช่เน้นที่ปัญหา

2.หมายสำคัญในขณะรักษา (Sign)

2.1) เหนือความคาดหมายของชายง่อย

กจ.3:6 เปโตรกล่าวว่า "เงินและทองเราไม่มี แต่ที่เรามีอยู่เราจะให้ท่าน คือในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด"
การรักษาของพระเจ้าต้องเกิดการหายโรคและหายอย่างสมบูรณ์

2.2) หมายสำคัญถูกสั่งในนามพระเยซูเท่านั้น

2.3) เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด

ในพระคัมภีร์บันทึกว่าเขาสามารถลุกขึ้นยืนได้ทันที

2.4) เป็นการรักษาที่สมบูรณ์ที่สุด
เขาสามารถเดินเข้าไปในพระวิหารได้

3. ผลที่ตามมาจากการรักษา (Sequel)

เกิดความชื่นชมยินดีอย่างเต็มล้นในเวลานั้น
ชายง่อยร้องสรรเสริญพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี ในเวลานั้นเกิดการฟื้นฟูใหญ่มีคนมากลับใจ 5,000 คน นับเฉพาะผู้ชาย

Monday, November 9, 2009

คริสตจักรที่เกิดผลเพื่อพระคริสต์ โดย อ.กอบชัย จิราธิวัฒน์

คริสตจักรที่เกิดผลเพื่อพระคริสต์

กจ 2:42-47
เขาทั้งหลายได้ขะมักเขม้นฟังคำสอนของจำพวกอัครทูตและร่วมสามัคคีธรรม ทั้งขะมักเขม้นในการหักขนมปังและการอธิษฐาน 43 เขามีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครทูตทำการอัศจรรย์ และหมายสำคัญหลายประการ 44 บรรดาผู้ที่เชื่อถือนั้นก็อยู่พร้อมกัน ณ ที่แห่งเดียว และทรัพย์สิ่งของของเขาเหล่านั้นเขาเอามารวมกันเป็นของกลาง 45 เขาจึงได้ขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของ มาแบ่งให้แก่คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ 46 เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจกว้างขวาง ทุกวันเรื่อยไป 47 ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะรอด มาเข้ากับพวกสาวกทุกวันๆ

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงลงมาแตะต้องสาวกที่ห้องชั้นบน เขาทั้งหลายได้พูดภาษาแปลกๆ และมีความกล้าหาญในการประกาศพระนามพระเยซูคริสต์ เปโตรได้เทศนาประกาศ มีคนรับเชื่อ 3,000 คนในเวลานั้น และได้รับบัพติศมาในน้ำ คริสตจักรเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เป็นคริสตจักรที่มีฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ

1.พวกเขาร่วมใจกันทุ่มเทชีวิตด้วยกัน (42)
เราอาจมีความสุขกับการร่วมกิจกรรมกับคนฝ่ายโลก เช่น คุยกันเรื่องตลาดหุ้น การลงทุน คุยกันเรื่องการเงิน สร้าง Network ธุรกิจ
แต่พระเจ้าอยากให้เราผูกพันตัวในคริสตจักรของพระองค์ เราทุกคนเป็นอวัยวะในพระวรกายโดยมีพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะ โลกนี้เป็นของชั่วคราว ความถาวรคือชีวิตในสวรรค์ร่วมกับพระเยซูคริสต์และพี่น้อง

สมัยนั้นมีทาสอยู่ เมื่อเข้ามาในโบสถ์ก็เป็นพี่น้องกัน ผู้หญิงสมัยนั้นถูกข่มเหงมากมาย แต่เมื่อเข้ามาในคริสตจักรก็ได้รับเกียรติ ได้รับการต้อนรับ มีความแตกต่างกันอย่างมากจากสังคมของผู้ที่ยังไม่เชื่อ

ขะมักเขม้น ในภาษาอังกฤษหมายถึงการอุทิศตัว (Devoted) พี่น้องในคริสตจักรสมัยแรกเขาทุ่มเทและมีเป้าหมายและอุทิศตัวเพื่อพระเจ้า

เขาทุ่มเทเรื่องอะไรบ้าง

1.1) ฟังคำสอนของจำพวกอัครทูต

ข้อ 42 บอกถึงการให้ความสำคัญกับพระวจนะ

ยน.6:63 จิตวิญญาณเป็นที่ให้มีชีวิต ส่วนเนื้อหนังไม่มีประโยชน์อันใด ถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวกับท่านทั้งหลายนั้น เป็นจิตวิญญาณและเป็นชีวิต

1 ปต.2:2 เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์ เพื่อโดยน้ำนมนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเจริญขึ้นสู่ความรอด

เด็กต้องการน้ำนมฝ่ายวิญญาณฉันใด คริสเตียนต้องรับอาหารฝ่ายวิญญาณฉันนั้น

ยน.8:31-32 พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่ศรัทธาในพระองค์แล้วว่า "ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท"

1.2) ร่วมสามัคคีธรรม

Koinonia ทุ่มเทสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง ทุ่มเทชีวิตต่อกันและกัน เราไม่ได้มาจรรโลงสังคมที่ให้เกียรติกันและกันเท่านั้น แต่เราตั้งใจร่วมแรงร่วมใจเพื่อพระเจ้า เพื่อพลังฝ่ายวิญญาณเราจะทำการของพระองค์

ฮบ.10:25 อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่นั้น แต่จงพูดหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว

การรับใช้ด้วยการผูกพันตัว จะทำให้เราเติบโตอย่างมากมายกับพระเจ้าทั้งลักษณะชีวิตและการรู้จักพระเจ้า อย่าให้มารหลอกเราว่าเราต้องใช้เวลานานๆ ในการเติบโตเพื่อที่จะเข้มแข็งกับพระเจ้า เราสามารถเติบโตได้ในเวลาอันสั้น เราสามารถเชื่อฟังพระเจ้า ดำรงในพระวจนะพระองค์ และเติบโตกับพระเจ้า สามารถแยกแยะความดีความชั่วได้
อย่าคิดว่าขอค่อยๆ เปลี่ยน อย่าลืมว่าชีวิตของเราแก่ลงเรื่อยๆ ทุกปี

1.3) ขะมักเขม้นในการหักขนมปัง (Share in the Holy Communion)

1.4) ร่วมใจกันอธิษฐาน (Pray Together)

มธ.18:18-20 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า สิ่งสารพัดซึ่งท่านจะกล่าวห้ามในโลก ก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งซึ่งท่านจะกล่าวอนุญาตในโลก ก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์เหมือนกัน เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายอีกว่า ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทำให้ ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆ ในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น"

2.ชีวิตอยู่ด้วยความยำเกรงในพระเจ้า (43) (Fear of God)

Phobos ยำเกรง เกรงกลัวพระเจ้า

กจ.5:11 ความเกรงกลัวอย่างยิ่งเกิดขึ้นในคริสตจักร และในหมู่คนทั้งปวงที่ได้ยินเหตุการณ์นั้น

ลก.7:15-16 คนที่ตายนั้นก็ลุกนั่งเริ่มพูด พระองค์จึงทรงมอบชายหนุ่มให้แก่มารดาของเขา ฝ่ายคนทั้งปวงมีความกลัวและสรรเสริญพระเจ้าว่า "ท่านผู้เผยพระวจนะใหญ่ได้เกิดขึ้นท่ามกลางเรา และพระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนชนชาติของพระองค์แล้ว"

เราต้องยำเกรงพระเจ้า

มธ.10:28 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้

การยำเกรงพระเจ้าต้องแสดงออกเป็นการกระทำ เราไม่พูดโกหก ไม่เลิกทะเลาะกับพี่น้อง ไม่อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต ถ้าเราเป็นอย่างนั้น พระเจ้าจะไม่อวยพรคริสตจักร

กจ.2:43 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้

มก.16:17-18 มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค"

กจ.5:15-16 จนเขาหามคนเจ็บป่วยออกไปที่ถนนวางบนที่นอนและแคร่ เพื่อเมื่อเปโตรเดินผ่านไป อย่างน้อยเงาของท่านจะได้ถูกเขาบางคน ประชาชนได้ออกมาจากเมืองที่อยู่ล้อมรอบกรุงเยรูซาเล็ม พาคนป่วยและคนที่มีผีโสโครกเบียดเบียนมา และทุกคนก็หาย

3 .สาวกร่วมชีวิตกันและกันอบย่างเข้มข้น (44-46)

3.1) สาวกเอาทรัพย์สิ่งของจุนเจือเลี้ยงดูกัน (Share everything in common)

การจุนเจือของพี่น้องทำด้วยความรักและเต็มใจ ต่างจากสังคมคอมมิวนิสต์ เพราะคอมมิวนิสต์นำทรัพย์สินมารวมกันด้วยการบังคับ
การให้กันและกันทำด้วยใจรักและความเพียงพอ เมื่อเขาไม่จำเป็นเขาก็ไม่รับของจุนเจือ
ในพระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าเขาขายบ้าน เขาขายทรัพย์สิน ให้บ้านเพื่อการสามัคคีธรรม

3.2) เขาร่วมใจกันในการไปชุมนุมนมัสการสรรเสริญพระเจ้าทุกวัน (Meet and worship God together everyday)
การเข้าไปในพระวิหารเชื่อว่าเป็นการไปประกาศเรื่องพระเยซู

เขารับประทานอาหารด้วยกัน มีความสนิทสนมกัน

วว.3:20 นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้นและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา

1 ปต.4:9 ท่านทั้งหลายจงต้อนรับเลี้ยงดูซึ่งกันและกันโดยไม่บ่น

4. ผล: พระเจ้าทรงอวยพรให้คริสตจักรทวีจำนวนอย่างมาก (ข้อ 47) Consequence: God multiplies the church

กจ.4:4 แต่คนเป็นอันมากที่ได้ฟังคำสอนนั้นก็เชื่อ จำนวนผู้ชายจึงเพิ่มขึ้นจนนับได้ประมาณห้าพันคน
มีคนมาเชื่อเพิ่มอีก 5,000 คน นับเฉพาะผู้ชาย ถ้านับรวมทั้งผู้หญิงและเด็กน่าจะประมาณ 20,000 คน
เขาทำอย่างนั้นได้เพราะเขายำเกรงพระเจ้า สามัคคีธรรมกันอย่างลึกซึ้ง และพระเจ้าทรงอวยพรเขาอย่างมากมาย

Wednesday, November 4, 2009

การเทศนาครั้งแรกของคริสตจักร โดย อ.เวทิต โชควัฒนา

การเทศนาครั้งแรกของคริสตจักร

กิจการ 2:14-41
14 ฝ่ายเปโตรได้ยืนขึ้นกับอัครทูตสิบเอ็ดคน และได้กล่าวแก่คนทั้งปวงด้วยเสียงอันดังว่า"ท่านชาวยูเดียและบรรดาคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด 15 ด้วยว่าคนเหล่านี้มิได้เมาเหล้าองุ่นเหมือนอย่างที่ท่านคิดนั้น เพราะว่าเป็นเวลาสามโมงเช้า 16 แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตามคำซึ่งโยเอลผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า 17 "พระเจ้าตรัสว่าในวาระสุดท้าย เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราโปรดประทานแก่มนุษย์ทั้งปวง บุตราบุตรีของท่านทั้งหลายจะกล่าวคำพยากรณ์ คนหนุ่มของท่านจะเห็นนิมิต และคนแก่จะฝันเห็น 18 ในคราวนั้น เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราบนทาสทาสีของเรา และคนเหล่านั้นจะกล่าวคำพยากรณ์ 19 เราจะสำแดงการอัศจรรย์ในอากาศเบื้องบน และนิมิตที่แผ่นดินเบื้องล่าง เป็นเลือด ไฟ และไอควัน 20 ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะกลับ เป็นเลือด ก่อนถึงวันใหญ่นั้น คือวันใหญ่ยิ่งของพระเจ้า 21 และจะเป็นเช่นนี้คือ ทุกคนซึ่งได้ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด22 "ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนชาติอิสราเอล ขอฟังคำของข้าพเจ้า คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธ เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดชี้แจงให้ท่านทั้งหลายทราบ โดยการอิทธิฤทธิ์ การอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำโดยพระองค์นั้น ท่ามกลางท่านทั้งหลาย ดังที่ท่านทราบอยู่แล้ว 23 พระเยซูนี้ทรงถูกมอบไว้ตามที่พระเจ้าได้ทรงดำริแน่นอนล่วงหน้าไว้ก่อน ท่านทั้งหลายได้ให้คนอธรรมจับพระองค์ไปตรึงที่กางเขนและประหารชีวิตเสีย 24 พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้พระองค์คืนพระชนม์ ด้วยทรงกำจัดความเจ็บปวดแห่งความตายเสีย เพราะว่าความตายจะครอบงำพระองค์ไว้ไม่ได้ 25 เพราะกษัตริย์ดาวิดได้ทรงกล่าวถึงพระองค์ว่า "ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะว่าพระองค์ประทับที่มือขวาของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะมิได้หวั่นไหว26 เพราะฉะนั้น จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี และลิ้นของข้าพเจ้าจึงเปรมปรีดิ์ อนึ่งร่างกายของข้าพเจ้าจะอยู่ด้วยความไว้ใจ 27 เพราะพระองค์จะไม่ทรงละข้าพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งจะไม่ทรงให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป 28 พระองค์ได้ทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทราบทางแห่งชีวิตแล้ว พระองค์ทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีความยินดีเต็มเปี่ยมหน้าพระพักตร์ของพระองค์ “
29 "พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีใจกล้าที่จะกล่าวแก่ท่านทั้งหลายถึงดาวิดบรรพบุรุษของเราว่า ท่านสิ้นชีวิตแล้วฝังไว้ และอุโมงค์ฝังศพของท่านยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ 30 ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ และทราบว่าพระเจ้าตรัสสัญญาไว้แก่ท่านด้วยพระปฏิญาณว่า พระองค์จะทรงประทานผู้หนึ่งในวงศ์ตระกูลของท่านให้ประทับบนพระที่นั่งของท่าน 31 กษัตริย์ดาวิดก็ทรงล่วงรู้เหตุการณ์นี้ก่อน จึงทรงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า พระเจ้ามิได้ทรงละพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งพระมังสะของพระองค์ก็ไม่เปื่อยเน่าไป
32 พระเยซูนี้พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้คืนพระชนม์แล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพยานในข้อนี้ 33 เหตุฉะนั้นเมื่อทรงเชิดชูพระองค์ขึ้นอยู่ที่พระหัตถ์เบื้องขวาของพระเจ้า และครั้นพระองค์ได้ทรงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาตามพระสัญญา 
พระองค์ได้ทรงเทฤทธิ์เดชนี้ลงมา ดังที่ท่านทั้งหลายได้ยิน และเห็นแล้ว 34 เหตุว่าท่านดาวิดไม่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์แต่ท่านได้กล่าวว่า "พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า จงนั่งขวามือของเรา 35 จนกว่าเราจะกระทำให้ศัตรูของเจ้าอยู่ใต้เท้าเจ้า” 36 เหตุฉะนั้น ให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งปวงทราบแน่นอนว่า พระเจ้าได้ทรงยกพระเยซูนี้ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขนนั้น ทรงตั้งขึ้นให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและเป็นพระคริสต์ 37 เมื่อคนทั้งหลายได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลบปลาบใจ จึงกล่าวแก่เปโตรและอัครทูตอื่นๆว่า "พี่น้องเอ๋ย เราจะทำอย่างไรดี" 38 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า "จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมา {พิธีใช้น้ำเป็นสัญลักษณ์ เล็งถึงการที่พระเจ้าทรงให้อภัยคนบาป} ในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์สิ้นทุกคนเพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านเสีย แล้วท่านจะได้รับพระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ 39 ด้วยว่าพระสัญญานั้นตกแก่ท่านทั้งหลายกับลูกหลานของท่านด้วย และแก่คนทั้งหลายที่อยู่ไกล คือมาเฝ้าพระองค์" 40 เปโตรจึงกล่าวอีกหทุกคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราทรงเรียกลายคำเป็นพยาน และได้เตือนสติเขาว่า "จงเอาตัวรอดจากชาตพันธุ์ที่คดโกงนี้เถิด" 41 คนทั้งหลายที่รับคำของเปโตรก็รับบัพติศมา ในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน

1 มีสิทธิอำนาจ

มธ 7:24-29 24 "เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา 25 ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา 26 แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตามเล่า เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลา สร้างเรือนของตนไว้บนทราย27 ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่ง" 28 ครั้นพระเยซูตรัสคำเหล่านี้เสร็จแล้ว ประชาชนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ 29 เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสั่งสอนเขาด้วยสิทธิอำนาจ หาเหมือนพวกธรรมาจารย์ของเขาไม่

1 คร 2:4-5 คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่คำที่เกลี้ยกล่อมด้วยสติปัญญา แต่เป็นคำซึ่งได้แสดงพระวิญญาณและพระเดชานุภาพ5 เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้อาศัยสติปัญญาของมนุษย์ แต่อาศัยฤทธิ์เดชของพระเจ้า

2. อิงพระคัมภีร์

โยเอล 2:28-32 "ต่อมาภายหลังจะเป็นอย่างนี้ คือเราจะเทพระวิญญาณของเรามาเหนือมนุษย์ทั้งปวงบุตรชายบุตรหญิงของเจ้าทั้งหลายจะเผยพระวจนะ คนชราของเจ้าจะฝัน และคนหนุ่มของเจ้าจะเห็นนิมิต29ในกาลครั้งนั้นเราจะเทพระวิญญาณของเรา มาเหนือกระทั่งคนใช้ชายหญิง 30"เราจะสำแดงลางอัศจรรย์ในท้องฟ้าและบนดิน เป็นเลือดและไฟและลำควัน31ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นความมืด ดวงจันทร์เป็นเลือด ก่อนวันใหญ่ยิ่งและน่าสยดสยองของพระเจ้ามาถึง32และอยู่มาจะเป็นอย่างนี้ คือผู้ที่ร้องทูลออกพระนามของพระเยโฮวาห์จะรอด เพราะจะมีคนรอดพ้นในภูเขาศิโยนและในเยรูซาเล็มตามที่พระเจ้าตรัสไว้ และในพวกคนที่รอดนั้นจะมีบรรดาบุคคลที่พระเจ้าทรงเรียกด้วย

สดด 16:8-11 ข้าพเจ้าตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับทางเบื้องขวาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว 9เพราะฉะนั้นจิตใจข้าพเจ้าจึงยินดีและจิตวิญญาณก็ปรีดา ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย 10เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนผู้ตาย หรือให้ธรรมิกชนของพระองค์ต้องเห็นปากแดนนั้น 11พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์พระองค์มีความชื่นบานอย่างเปี่ยมล้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์

สดด 110:1 พระเจ้าตรัสกับพระองค์ผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า "จงนั่งที่ข้างขวาของเรา จนกว่าเราจะกระทำให้ศัตรูของเจ้าเป็นแท่นรองเท้าของเจ้า"

ลก 24:27 พระองค์จึงทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อ ให้เขาฟังเริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะ

ฮบ 4:12 เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆแทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย

รม10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์

3. อธิบายความ

โยเอล 2:28-32 "ต่อมาภายหลังจะเป็นอย่างนี้ คือเราจะเทพระวิญญาณของเรามาเหนือมนุษย์ทั้งปวงบุตรชายบุตรหญิงของเจ้าทั้งหลายจะเผยพระวจนะ คนชราของเจ้าจะฝัน และคนหนุ่มของเจ้าจะเห็นนิมิต29ในกาลครั้งนั้นเราจะเทพระวิญญาณของเรา มาเหนือกระทั่งคนใช้ชายหญิง 30"เราจะสำแดงลางอัศจรรย์ในท้องฟ้าและบนดิน เป็นเลือดและไฟและลำควัน31ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นความมืด ดวงจันทร์เป็นเลือด ก่อนวันใหญ่ยิ่งและน่าสยดสยองของพระเจ้ามาถึง32และอยู่มาจะเป็นอย่างนี้ คือผู้ที่ร้องทูลออกพระนามของพระเยโฮวาห์จะรอด เพราะจะมีคนรอดพ้นในภูเขาศิโยนและในเยรูซาเล็มตามที่พระเจ้าตรัสไว้ และในพวกคนที่รอดนั้นจะมีบรรดาบุคคลที่พระเจ้าทรงเรียกด้วย

กจ 3:6 เปโตรกล่าวว่า "เงินและทองเราไม่มี แต่ที่เรามีอยู่เราจะให้ท่าน คือในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด"

กจ 26:26 ด้วยว่าท่านกษัตริย์ทรงทราบข้อความเหล่านี้ดีแล้ว ข้าพเจ้าจึงกล้ากล่าวต่อพักตร์ของพระองค์ เพราะข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ไม่มีสักอย่างหนึ่งในบรรดาเหตุการณ์เหล่านั้น ที่ได้พ้นพระเนตรของพระองค์ เพราะการเหล่านั้นมิได้กระทำกันในที่ลับลี้

สดด 16:8-11 8 ข้าพเจ้าตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับทางเบื้องขวาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว 9 เพราะฉะนั้นจิตใจข้าพเจ้าจึงยินดีและจิตวิญญาณก็ปรีดา ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย 10 เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนผู้ตาย หรือให้ธรรมิกชนของพระองค์ต้องเห็นปากแดนนั้น 11 พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์พระองค์มีความชื่นบานอย่างเปี่ยมล้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์

4 มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง

1 คร 1:17-25 เพราะว่าพระคริสต์มิได้ทรงใช้ข้าพเจ้าไปเพื่อให้เขารับบัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ และมิใช่ด้วยชั้นเชิงอันฉลาดในการพูด เกรงว่าเรื่องกางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์เดช 18 คนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่พวกเราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า 19 เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญา และจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดสูญสิ้นไป 20 คนมีปัญญาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน บัณฑิตแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน นักโต้ปัญหาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน พระเจ้าได้ทรงกระทำปัญญาของโลกให้โฉดเขลาไปแล้ว 21 เพราะตามที่ทรงกำหนดไว้ตามพระสติปัญญาของพระเจ้า โลกไม่รู้จักพระเจ้าได้โดยปัญญาของตน พระเจ้าจึงทรงโปรดช่วยคนที่เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาเรื่องโง่ๆ 22 พวกยิวขอเห็นนิมิต และพวกกรีกเสาะหาปัญญา 23 แต่พวกเราประกาศเรื่องพระคริสต์ผู้ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น อันเป็นสิ่งที่ให้พวกยิวสะดุด และให้พวกต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องโง่ 24 แต่สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น ทั้งพวกยิวและพวกกรีก ต่างถือว่า พระคริสต์ทรงเป็นฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า 25 เพราะความเขลาของพระเจ้ายังมีปัญญายิ่งกว่าปัญญาของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังเข้มแข็งยิ่งกว่ากำลังของมนุษย์

5. กล้าหาญ

6. ทำให้สำนึก

รม10:9 คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด

Proselytes Baptism

George Whitefield 1714-1770

Whitefield was a preacher capable of commanding thousands on two continents through the sheer power of his oratory. In his lifetime, he preached at least 18,000 times to perhaps 10 million hearers.

EVAN ROBERTS 1878 - 1950

At Blaenanerch on Thursday 29th September 1904 at 9.30 in the morning
Seventeen people showed up to listen to his sermon. Within three months 100,000 converts had been
added to the churches of Wales

กำเนิดคริสตจักร โดย อ.ดร.นุโรจน์ พานิช

กำเนิดคริสตจักร The Birth of the Church

กจ 2: 1-13
1 เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคศเตมาถึง  จำพวกศิษย์จึงรวมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน 2 ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น 3 มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขากระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน 4 เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์  จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด5 มีพวกยิวจากทุกประเทศทั่วใต้ฟ้าซึ่งเป็นผู้เกรงกลัวพระเจ้ามาอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 6 เมื่อมีเสียงอย่างนั้นเขาจึงพากันมา และฉงนสนเท่ห์เพราะต่างคนต่างได้ยินเขาพูด ภาษาของตัว 7 คนทั้งปวงจึงประหลาดและอัศจรรย์ใจพูดว่า  "ดูแน่ะ  คนทั้งหลายที่พูดกันนั้นเป็น ชาวกาลิลีทุกคนไม่ใช่หรือ 8 เหตุไฉนเราทุกคนได้ยินเขาพูดภาษาของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา9 เช่นชาวปารเธียและมีเดีย ชาวเอลามและคนที่อยู่ในเขตแดนเมโสโปเตเมีย และ แคว้นยูเดียและแคว้นคัปปาโดเซีย ในแคว้นปอนทัสและเอเชีย 10 ในแคว้นฟรีเจีย  แคว้นปัมฟีเลียและประเทศอียิปต์ในแขวงเมืองลิเบียซึ่งขึ้นกับ นครไซรีน  และคนมาจากกรุงโรม  ทั้งพวกยิวกับคนเข้าจารีตยิว 11 ชาวเกาะครีตและชาวอาระเบีย  เราทั้งหลายต่างก็ได้ยินคนเหล่านี้กล่าวถึงมหกิจของพระเจ้า  ตามภาษาของเราเอง“ 12 เขาทั้งหลายจึงอัศจรรย์ใจ  และฉงนสนเท่ห์พูดกันว่า  "นี่อะไรกัน“ 13 แต่บางคนเยาะเย้ยว่า  "คนเหล่านั้นเมาเหล้าองุ่นใหม่"

1. คริสตจักรที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1-3)
Being filled with the Holy Spirit

“เทศกาลเพนเทคศเต” ที่กล่าวถึงนี้ เป็นเทศกาลของคนยิว ซึ่งมีขึ้น 50 วัน หลังเทศกาลปัสกา

อพย 31:3 และได้ให้เขาประกอบด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า คือให้เขามีสติปัญญา ความเข้าใจและความรู้ในวิชาการทุกอย่าง

ผวฉ 14:6 พระวิญญาณของพระเจ้าก็ทรงสถิตกับแซมสันอย่างมาก ท่านจึงฉีกสิงห์ออกอย่างคนฉีกลูกแพะ ทั้งที่ไม่มีอะไรในมือ แต่ท่านมิได้บอกให้บิดาหรือมารดาของท่านทราบว่าท่านได้ทำอะไรไป

1 ซมอ 16:13 ซามูเอลจึงนำขวดเขาน้ำมันและเจิมตั้งเขาไว้ท่ามกลางพี่ชายของเขา และพระวิญญาณของ พระเจ้าก็สวมทับดาวิดอย่างมากตั้งแต่วันนั้นเป็น ต้นไป และซามูเอลก็ลุกขึ้นกลับไปยังรามาห์

2. ผลของการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์: ชีวิตเปลี่ยน (4-13)
The Effect of the Holy Spirit Filled: Life has been changed

กจ 8:17-18 เปโตรกับยอห์นจึงวางมือบนเขา แล้วเขาทั้งหลายก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ 18เมื่อซีโมนเห็นว่า คนเหล่านั้นได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยการวางมือของอัครทูต จึงนำเงินมาให้อัครทูต

กจ 10:44-46 44เมื่อเปโตรยังกล่าวคำเหล่านั้นอยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาสถิตกับคนทั้งปวงที่ฟังพระวจนะนั้น 45ฝ่ายพวกที่ได้เข้าสุหนัต {ดูหมายเหตุในบทที่7ข้อ8} ซึ่งเชื่อถือในพระเยซูเจ้า คือที่มาด้วยกันกับเปโตรก็ประหลาดใจ เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้ลงมาบนคนต่างชาติด้วย 46เพราะเขาได้ยินคนเหล่านั้นพูดภาษาต่างๆและยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เปโตรจึงย้อนถามว่า

กจ 19:6 เมื่อเปาโลได้วางมือบนเขาแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาบนเขา เขาจึงพูดภาษาแปลกๆและได้ทำนายด้วย

"My country did not send me 7,000 miles to start the race. They sent me 7,000 miles to finish.“ John Stephen Akhwari