Sunday, February 22, 2009

บทบาทหน้าที่ของสามีต่อภรรยา ( อ.กอบชัย )

บทบาทหน้าที่ของสามีต่อภรรยา

อฟ.5:25-33 ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร (26) เพื่อจะได้ทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์ โดยการทรงชำระด้วยน้ำและพระวจนะ (27) เพื่อพระองค์จะได้มีคริสตจักรที่มีสง่าราศีไม่มีตำหนิริ้วรอย หรือมลทินใดๆเลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ (28) เช่นนั้นแหละสามีจึงควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักกายของตน ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตนเอง (29) เพราะว่าไม่มีผู้ใดเกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูและทนุถนอม เหมือนพระคริสต์ทรงกระทำแก่คริสตจักร (30) เพราะว่าเราเป็นอวัยวะแห่งพระกายของพระองค์ (31) เพราะเหตุนี้ ผู้ชายจึงจะละบิดามารดาของตน ไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน (32) ความจริงที่ฝังอยู่ในข้อนี้สำคัญ ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเข้าใจว่าหมายถึงพระคริสต์และคริสตจักร (33) ถึงอย่างไรก็ดี ท่านทุกคนจงต่างก็รักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยาก็จงยำเกรงสามีของตน

อฟ.5:21 จงยอมฟังกันและกันด้วยความเคารพในพระคริสต์

อฟ.5:22-24 ฝ่ายภรรยา จงยอมฟังสามีของตน เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า (23) เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักร (24) คริสตจักรยอมฟังพระคริสต์ฉันใด ภรรยาก็ควรยอมฟังสามีทุกประการฉันนั้น

ปฐก.2:23 นี่แหละ กระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกว่าหญิง เพราะหญิงนี้ออกมาจากชาย

ปฐก.2:25 ทั้งผู้ชายและภรรยาของเขาเปลือยกายอยู่และไม่อายกัน

ปฐก.1:26-28 แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน” (27) พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง (28) พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน

ปฐก.3:16-19 พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า “เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากขึ้นมากมายในเมื่อเจ้ามีครรภ์และคลอดบุตรถึงกระนั้นเจ้ายังปรารถนาสามี และเขาจะปกครองตัวเจ้า” (17) พระองค์จึงตรัสแก่อาดัมว่า “เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยาและกินผลไม้ที่เราห้าม แผ่นดินจึงต้องถูกสาปเพราะตัวเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากจนตลอดชีวิต (18) แผ่นดินจะให้ต้นไม้และพืชที่มีหนามแก่เจ้า และเจ้าจะกินพืชต่างๆของทุ่งนา (19) เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้าจนเจ้ากลับเป็นดินไป เพราะเราสร้างเจ้ามาจากดิน เจ้าเป็นผงคลีดิน และจะต้องกลับเป็นผลคลีดินดังเดิม

พระเจ้าได้สั่งให้สามีรักภรรยา

1. เป็นความรักที่เสียสละ

อฟ.5:25 ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร

อฟ.1:4-5 ในพระเยซูคริสต์นั้นพระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์ (5) พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ด้วยความรักก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์

ฟป.2:6-8 ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ (7) แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาสทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ (8) และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั้งความมรณาที่กางเขน

รม.5:7-8 ไม่ใคร่จะมีใครตายเพื่อคนตรงแต่บางทีจะมีคนอาจตายเพื่อคนดีก็ได้ (8) แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้นพระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา

1ยน.3:16 ดังนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง

2. เป็นความรักที่ชำระให้บริสุทธิ์

อฟ.5:26-27 เพื่อจะได้ทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์ โดยการทรงชำระด้วยน้ำและพระวจนะ (27) เพื่อพระองค์จะได้มีคริสตจักรที่มีสง่าราศีไม่มีตำหนิริ้วรอย หรือมลทินใดๆเลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ

อสย.1:18 พระเจ้าตรัสว่า “มาเถิด ให้เราสู้ความกัน ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงแม้จะแดงอย่างผ้าแดง ก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ

ยรม.31:34 และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตน และพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า “จงรู้จักพระเจ้า” เพราะเขาทั้งหลายจะรู้จักเราหมดตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุดพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เพราะเราจะให้อภัยบาปชั่วของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลายอีกต่อไป

1ยน.1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเราและจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น

ยน.17:17 ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง

กจ.20:32 บัดนี้ข้าพเจ้าฝากท่านไว้กับพระเจ้าและกับคำแห่งพระคุณของพระองค์ ซึ่งมีฤทธิ์อาจก่อสร้างท่านขึ้นได้ และให้ท่านมีมรดกด้วยกันกับบรรดาวิสุทธิชน

1คร.6:11 แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเป็นคนอย่างนั้น แต่ท่านได้รับการชำระแล้วได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้วได้รับการทำให้เป็นผู้ชอบธรรมในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า และพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา

กจ.26:18 เพื่อจะให้เจ้าเบิกตาของเขาเพื่อเขาจะกลับจากความมืดมาถึงความสว่างและจากอำนาจของซาตานมาถึงพระเจ้า เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษความบาปผิดของเขาและให้ได้รับที่ซึ่งจะได้ด้วยกันกับคนทั้งหลายซึ่งถูกชำระให้เป็นผู้ชอบธรรมแล้วโดยความเชื่อในเรา

1ปต.1:2 ซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงเลือกและทรงกำหนดไว้แล้ว และพระวิญญาณได้ทรงชำระแล้ว เพื่อให้มีความนบนอบเชื่อฟังพระเยซูคริสต์ และให้ได้รับการประพรมด้วยพระโลหิตของพระองค์

2ธส.2:13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราจำต้องขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอยู่เสมอ เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเลือกท่านไว้ตั้งแต่เดิมให้ถึงที่รอด โดยพระวิญญาณทรงชำระท่านให้บริสุทธิ์ และโดยท่านได้เชื่อความจริง

3. ความรักที่ดูแลรักษา

กท.2:20 ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ขีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า

ฟป.4:13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

4. ความรักที่ผูกพันเป็นเนื้อเดียวกัน

ปฐก.2:24 เพราะเหตุนั้นผู้ชายจึงจากบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา ของเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน

มธ.19:5,6 และตรัสว่า เพราะเหตุนั้น บุรุษจึงต้องละบิดามารดาของตน ไปผูกพันอยู่กับภรรยาและเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน (6) เขาจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย

1ปต.3:7 ท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจในเธอ จงให้เกียรติแก่ภรรยา เพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และเพราะท่านทั้งสองได้รับชีวิตอันเป็นพระคุณเป็นมรดก เพื่อว่าคำอธิษฐานของท่านจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง

5. ชีวิตแต่งงานของคริสเตียนสะท้อนภาพพระเยซูกับคริสตจักร

No comments: