Sunday, October 18, 2009

เตรียม...เพื่อการเติบโต (Preparing for Growth) โดย อ.ดร.นุโรจน์ พานิช

เตรียม….เพื่อการเติบโต (Preparing for Growth)

กิจการ 1:12-26
แล้วอัครทูตจึงลงจากภูเขามะกอกเทศซึ่งอยู่ใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ระยะทางเท่ากับระยะที่อนุญาตให้ คนเดินในวันสะบาโต กลับไปกรุงเยรูซาเล็ม 13 เมื่อเข้ากรุงแล้วเขาเหล่านั้นจึงขึ้นไปยังห้องชั้นบนที่เคยพักอยู่นั้น มีเปโตร ยอห์น ยากอบกับ อันดรูว์ ฟีลิปกับโธมัส บารโธโลมิวกับมัทธิว ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนพรรคชาตินิยม กับ ยูดาสบุตรยากอบ 14 พวกเขาร่วมใจกันขะมักเขม้นอธิษฐานพร้อมกับพวกผู้หญิง และมารีย์มารดาของพระเยซูและ พวกน้องชายของพระองค์ด้วย 15 คราวนั้นเปโตรจึงได้ยืนขึ้นท่ามกลางพี่น้องทั้งหลายซึ่งประชุมกันอยู่ มีรวมทั้งสิ้นประมาณ ร้อยยี่สิบคนและกล่าวว่า 16 "ดูก่อนพี่น้องทั้งหลายจำเป็นจะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์ ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสไว้โดย โอษฐ์ของกษัตริย์ดาวิดด้วยเรื่องยูดาส ซึ่งเป็นผู้นำทางคนที่ไปจับพระเยซู 17 เพราะเขานับยูดาสเข้าในพวกเราและได้รับส่วนในภารกิจนี้ 18 ฝ่ายผู้นี้ได้เอาบำเหน็จแห่งการผิดของตนไปซื้อที่ดิน แล้วก็ล้มคะมำลงแตกกลางตัวไส้พุงทะลัก ออกมาหมด 19 เหตุการณ์นี้คนทั้งปวงที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก็รู้ เขาจึงเรียกที่ดินแปลงนั้นตามภาษาของเขาว่า อาเคลดามา คือนาเลือด 20 ด้วยมีคำเขียนไว้ในพระธรรมเพลงสดุดีว่า ขอให้ที่อยู่ของเขาร้างเปล่า และอย่าให้มีผู้ใดอยู่ที่นั่น และขอให้อีกผู้หนึ่งมายึดตำแหน่งของเขา 21 เหตุฉะนั้น ในบรรดาคนที่เป็นพวกเดียวกับเราเสมอตลอดเวลาที่พระเยซูเจ้าได้เสด็จเข้าออกกับเรา 22 คือตั้งแต่บัพติศมาของยอห์น จนถึงวันที่พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นไปจากเรา คนหนึ่งในพวกนี้จะต้องเป็นพยานกับเราว่าพระองค์ได้ทรงคืนพระชนม์แล้ว" 23 เขาทั้งหลายจึงเสนอชื่อคนสองคนคือ โยเซฟที่เรียกว่าบารซับบาส มีนามสกุลว่ายุสทัสและมัทธีอัส 24 แล้วพวกศิษย์จึงอธิษฐานว่า "พระองค์ผู้ทรงทราบใจของมนุษย์ทั้งปวงเจ้าข้า ขอทรงสำแดงว่า ในสองคนนี้พระองค์ทรงเลือกคนไหน 25 ให้รับส่วนในการปรนนิบัตินี้ และรับตำแหน่งเป็นอัครทูตแทนยูดาส ซึ่งได้หลงจากหน้าที่ไปยังที่ ของตน" 26 เขาทั้งหลายจึงจับสลากกัน และสลากนั้นได้แก่มัทธีอัสจึงนับเขาเข้ากับอัครทูตสิบเอ็ดคนนั้น

1. เตรียมใจ… นบนอบเชื่อฟัง (12-14)

ฮบ 11:8 เพราะอับราฮัมมีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านออกเดินทาง ไปยังที่ซึ่งท่านจะรับเป็นมรดก ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้ไม่ว่าจะไปทางไหน

2 เตรียมชีวิต (14-20)

- ชีวิตแห่งการอธิษฐาน (14)

รม 15:6 เพื่อท่านทั้งหลายจะได้พร้อมใจกันสรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

- ชีวิตแห่งการทำตามพระประสงค์ (15-20)

สดด 69 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดเพราะน้ำขึ้นมา ถึงคอข้าพระองค์แล้ว 2 ข้าพระองค์จมอยู่ในเลนลึก ไม่มีที่ยืน ข้าพระองค์มาอยู่ในน้ำลึกและน้ำท่วมข้าพระองค์ 3 ข้าพระองค์อ่อนระอาใจด้วยเหตุร้องไห้ คอของข้าพระองค์แห้งผาก ตาของข้าพระองค์มัวลง ด้วยการคอยท่าพระเจ้าของข้าพระองค์ 4 บรรดาคนที่เกลียดชังข้าพระองค์โดยไร้เหตุ มีมากยิ่งกว่าเส้นผมบนศีรษะข้าพระองค์ คนที่ทำลายข้าพระองค์ก็มีอิทธิพล คือผู้ที่เป็นพวกศัตรูของข้าพระองค์อย่างไม่มีเหตุบัดนี้ข้าพระองค์จะต้องส่งคืน สิ่งที่ข้าพระองค์มิได้ขโมยไปหรือ 5 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบถึงความโง่ของข้าพระองค์ ความผิดที่ข้าพระองค์กระทำแล้วจะซ่อนไว้จากพระองค์ไม่ได้ 6 ข้าแต่พระเจ้าจอมโยธา ขออย่าให้บรรดาผู้ที่หวังใจในพระองค์ได้รับความอายเพราะข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ของอิสราเอล ขออย่าให้บรรดาผู้ที่เสาะพระองค์ได้ความอัปยศเพราะข้าพระองค์ 7 ที่ข้าพระองค์ทนการเยาะเย้ย ที่ความอับอายได้คลุมหน้าข้าพระองค์ไว้ก็เพราะเห็นแก่พระองค์ 8 ข้าพระองค์กลายเป็นแขกแปลกหน้าของพี่น้อง และเป็นคนต่างด้าวของบุตรแห่งมารดาข้าพระองค์ 9 ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์ได้ท่วมท้นข้าพระองค์ และคำเยาะเย้ยของบรรดาผู้ที่เยาะเย้ยพระองค์ตกแก่ข้าพระองค์ 10 เมื่อข้าพระองค์ถ่อมใจลงด้วยการอดอาหาร มันกลายเป็นการเยาะเย้ยข้าพระองค์ 11 เมื่อข้าพระองค์ ใช้ผ้ากระสอบเป็นเครื่องนุ่งห่มข้าพระองค์กลับเป็นขี้ปากของเขา 12 คนที่นั่งที่ประตูเมืองก็พูดเรื่องข้าพระองค์คนขี้เมาแต่งเพลงร้องว่าข้าพระองค์ 13 ข้าแต่พระเจ้าแต่ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ในเวลาอันเหมาะสม โดยความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์ ขอทรงโปรดตอบข้าพระองค์ด้วยความอุปถัมภ์อย่างวางใจได้ 14 ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้น จากจมลงในเลน ขอทรง ช่วยกู้ข้าพระองค์จากคนที่เกลียดชังข้าพระองค์และจากน้ำลึก 15 ขออย่าให้น้ำท่วมข้าพระองค์ หรือน้ำที่ลึกกลืน ข้าพระองค์เสีย หรือปากแดนผู้ตายงับข้าพระองค์ไว้ 16 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตอบข้าพระองค์ เพราะความรัก มั่นคงของพระองค์นั้นเลิศ ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์ ตามพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ 17 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์เสียจากผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทุกข์ใจ ขอทรงรีบตอบข้าพระองค์ 18 ขอมาใกล้ข้าพระองค์ ทรงไถ่ข้าพระองค์ไว้ เพราะศัตรูของข้าพระองค์ ขอทรงปลดเปลื้องข้าพระองค์ 19 พระองค์ทรงทราบการที่เขาเยาะเย้ยข้าพระองค์แล้ว ทั้งความอายและความอัปยศของข้าพระองค์ พระองค์ทรงทราบถึงบรรดาคู่อริของข้าพระองค์หมด 20 การเยาะเย้ยกระทำให้จิตใจข้าพระองค์ชอกช้ำ ข้าพระองค์จึงหมดกำลังใจ ข้าพระองค์มองหาผู้สงสาร แต่ก็ไม่มี หาผู้เล้าโลม แต่ข้าพระองค์หาไม่พบ 21 เขาให้ดีหมีแก่ข้าพระองค์เป็นอาหาร ให้น้ำส้มสายชูแก่ข้าพระองค์ดื่มแก้กระหาย 22 ขอให้สำรับที่อยู่ตรงหน้าเขาเองเป็นกับดักเขา และการเลี้ยงในพิธีสักการบูชาเป็นบ่วง 23 ขอให้นัยน์ตาของเขามืด เพื่อเขาจะไม่เห็นและทำบั้นเอวเขาให้สั่นสะเทือนเรื่อยไป 24 ขอทรงเทความกริ้วลงเหนือเขา และให้ความกริ้วอันเผาร้อนตามทันเขา 25 ขอให้ค่ายของเขาร้างเปล่า อย่าให้ผู้ใดพักอยู่ในเต็นท์ของเขา 26 เพราะเขาได้ข่มเหง ผู้ที่พระองค์ทรงเฆี่ยนตีเขาเล่าถึงความเจ็บปวดของผู้ที่พระองค์ให้บาดเจ็บแล้ว 27 ขอทรงเพิ่มโทษ แล้วทรงเพิ่มอีก อย่าให้เขาได้รับการอภัยจากพระองค์ 28 ขอให้เขาถูกลบออกเสียจากทะเบียนผู้มีชีวิตอย่าให้เขาขึ้นทะเบียนไว้ในหมู่คนชอบธรรม 29 แต่ข้าพระองค์ทุกข์ยากและเจ็บปวด ข้าแต่พระเจ้า ขอความรอดของพระองค์ตั้ง ข้าพระองค์ไว้ให้สูง 30 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามพระเจ้าด้วยบทเพลง ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์โดยโมทนาพระคุณ

สดด 109 ข้าแต่พระเจ้า ผู้ซึ่งข้าพระองค์สรรเสริญ ขออย่าทรงนิ่งเสีย 2 เพราะปากที่อธรรมและหลอกลวงอ้าใส่ข้าพระองค์อยู่แล้ว ได้พูดปรักปรำข้าพระองค์ด้วยลิ้นมุสา 3 เขาทั้งหลายล้อม ข้าพระองค์ไว้ด้วยถ้อยคำเกลียดชังและโจมตีข้าพระองค์อย่างไร้เหตุ 4 เขาฟ้องข้าพระองค์แทนความรักของข้าพระองค์ ส่วนข้าพระองค์ได้อธิษฐานเท่านั้น 5 เขาตอบแทนข้าพระองค์ด้วยความชั่วแทนความดี และความเกลียดชังแทนความรักของข้าพระองค์ 6 ขอทรงตั้งคนอธรรมปรักปรำเขา และให้โจทก์ฟ้องเขาให้เป็นคดี 7 เมื่อพิจารณาคดี ก็ให้เขาปรากฏว่าเป็นผู้กระทำผิด และให้คำอธิษฐานของเขาไร้ผล 8 ขอให้วันเวลาของเขาน้อย ขอให้อีกผู้หนึ่งมายึดตำแหน่งของเขา 9 ขอให้ลูกของเขากำพร้าพ่อ และภรรยาของเขาเป็นม่าย 10 ขอให้ลูกของเขาต้องพเนจรขอทานไป ขอให้เขาถูกขับไล่ไปจากที่สลักหักพังซึ่งเขาอาศัยอยู่ 11 ขอให้เจ้าหนี้มายึดของทั้งสิ้นที่เขามีอยู่ขอคนต่างถิ่นมาปล้นผลงานของเขาไป 12 ขออย่าให้ผู้ใดเอ็นดูเขา อย่าให้ผู้ใดสงสารลูกกำพร้าของเขา 13 ขอให้วงศ์วานของเขาถูกตัดออก ขอให้สกุลของเขาสิ้นไปในอีกชั่วชีวิตหนึ่ง 14 ขอให้ความบาปผิดของบรรพบุรุษของเขายังเป็นที่จำได้อยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า อย่าให้บาปของมารดาเขาลบเลือนไป 15 ขอให้บาปนั้นอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าเป็นนิตย์ เพื่อพระองค์จะทรงตัดอนุสรณ์ของเขาเหล่านั้นเสียจากแผ่นดินโลก 16 เพราะเขาไม่จดจำ ที่จะแสดงความเอ็นดู แต่ไล่ข่มเหงคนจนและคนขัดสน และคนใจท้อเพื่อจะฆ่าเสีย 17 เขารักที่จะแช่ง ขอให้คำแช่งตกบนเขา เขาไม่ชอบการ ให้พร ขอพรจงห่างไกลจากเขา 18 เขาเอาการแช่งห่มต่างเสื้อผ้าของเขา ขอให้ซึมเข้าไปในกายของเขาอย่างน้ำ ขอ ให้ซึมเข้าไปในกระดูกของเขาอย่างน้ำมัน 19 ให้เหมือนเครื่องแต่งกายที่คลุมเขาอยู่ เหมือนเข็มขัดที่คาดเขาไว้เสมอ 20 ทั้งนี้ขอให้เป็นบำเหน็จจากพระเจ้าแก่โจทก์ของ ข้าพระองค์ แก่ผู้ที่กล่าวร้ายต่อชีวิตของข้าพระองค์ 21 ข้าแต่พระเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงกระทำเพื่อข้าพระองค์โดยเห็นแก่พระนามของพระองค์เพราะว่าความรักมั่นคงของพระองค์นั้นประเสริฐ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ 22 เพราะข้าพระองค์ยากจนและขัดสน และจิตใจของข้าพระองค์ก็บาดเจ็บอยู่ภายใน 23 ข้าพระองค์สิ้นสุดไปแล้วอย่างเงาตอนเย็น ข้าพระองค์ถูกสลัดออกเหมือนตั๊กแตน 24 เข่าของข้าพระองค์ก็อ่อนเปลี้ยเพราะการอดอาหารร่างกายของข้าพระองค์ก็ซูบผอมไป 25 ข้าพระองค์เป็นขี้ปากของเขา เมื่อเขาเห็นข้าพระองค์ เขาก็สั่นศีรษะ {อาการอย่างนี้แปลว่า เย้ยหยัน} 26 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดตามความรักมั่นคงของพระองค์ 27 ขอให้เขาทราบ ว่านี่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงกระทำการนี้ 28 ให้เขาแช่งไป แต่ขอพระองค์ทรง อำนวยพระพรขอให้ผู้ที่ลุกขึ้นสู้ข้าพระองค์ได้อาย ขอให้ผู้รับใช้ของพระองค์ยินดี 29 ขอให้โจทก์ของข้าพระองค์ห่มความอัปยศ ขอให้ความอับอายสวมกายเขาอย่างเสื้อคลุม 30 ด้วยปากของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะโมทนาขอบพระคุณ พระเจ้าเป็นอย่างมาก ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางคนมากหลาย 31 เพราะพระองค์ประทับขวามือของคนขัดสน เพื่อทรงช่วยเขาให้พ้นจากคนที่ปรับโทษเขานั้น

ยน 6:70-71 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราเลือกพวกท่านสิบสองคนมิใช่หรือ และคนหนึ่งในพวกท่านเป็นมารร้าย” 71พระองค์ทรงหมายถึงยูดาสบุตรของซีโมน อิสคา ริโอท เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่จะอายัดพระองค์ไว้ คือ คนหนึ่งในสาวกสิบสองคน

ยน 13:21-26 เมื่อพระเยซูตรัสดังนั้นแล้วพระองค์ก็ทรงเป็นทุกข์ ในพระทัย และตรัสเป็นพยานว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะอายัดเราไว้” 22เหล่าสาวกจึงมองหน้ากัน และสงสัยว่าคนที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือผู้ใด 23 ที่สำรับมีสาวกคนหนึ่งที่พระองค์ทรงรัก ได้เอนกายอยู่ใกล้พระทรวงของพระองค์ 24 ซีโมนเปโตรจึงพยักหน้าให้เขาทูลถามพระองค์ว่า คนที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือผู้ใด 25 ขณะที่ยังเอนกายอยู่ใกล้พระทรวงของพระองค์ สาวกคนนั้นก็ทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า คนนั้นคือใคร” 26 พระองค์ ตรัสตอบว่า "คนนั้นคือผู้ ที่เราจะเอาอาหารนี้จิ้มแล้วยื่นให้" เมื่อพระองค์ทรงเอาอาหารนั้นจิ้มแล้วก็ทรงยื่นให้แก่ยูดาสบุตรซีโมนอิสคาริโอท

3. เตรียมสู่การรับใช้ (21-26)

- รับใช้พี่น้อง

กดว 34:13 โมเสสบัญชาคนอิสราเอลกล่าวว่า "นี่เป็นแผ่นดินที่เจ้าทั้งหลายจะได้จับฉลากรับเป็นมรดก ซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาว่า ให้ยกให้แก่ทั้งเก้าเผ่ากับอีกครึ่งเผ่า

ยชว 18:10 แล้วโยชูวาก็จับฉลากให้เขาต่อพระพักตร์พระเจ้า โยชูวาก็ได้จัดแบ่งที่ดิน ให้แก่ประชาชนอิสราเอลที่นั่นตามส่วนแบ่งของแต่ละเผ่า

1ซมอ 10:20-21 แล้วซามูเอลก็นำเผ่าอิสราเอลทุกเผ่าเข้ามาใกล้ และจับฉลากได้เผ่าเบนยามิน 21ท่านก็นำเผ่าเบนยามินเข้ามาใกล้ตามตระกูล จับฉลากได้ตระกูลมัตรี และจับฉลากได้ซาอูลบุตรคีชแต่เมื่อเขาหาซาอูลก็หาไม่พบ

สภษ 16:33 ฉลากนั้นเขาทอดลงที่ตัก แต่การตัดสินมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น

Sunday, October 11, 2009

เฝ้ารอ และเตรียมตัวให้พร้อม โดย อ.กอบชัย จิราธิวัฒน์

เฝ้ารอ และเตรียมตัวให้พร้อม Wait and be prepared
กจ 1:1-11
ข้าแต่ท่านเธโอฟีลัส ในหนังสือเรื่องแรกนั้น ข้าพเจ้าได้กล่าวแล้วถึงบรรดาการซึ่งพระเยซูได้ทรงตั้งต้นกระทำและสั่งสอน 2 จนถึงวันที่พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นไป ในเมื่อได้ตรัสสั่งโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่อัครทูต {แปลว่า ผู้ที่ทรงใช้ไป} ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้นั้นแล้ว 3 ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว ได้ทรงแสดงพระองค์แก่คนพวกนั้นด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงสนทนากับเขาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า 4 เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า "ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ 5 เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์" 6 เมื่อเขาทั้งหลายได้ประชุมพร้อมกัน เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่ ให้แก่ชนอิสราเอลในครั้งนี้หรือ" 7 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "ไม่ใช่ธุระของท่าน ที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ โดยสิทธิอำนาจของพระองค์ 8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก" 9 เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ขึ้นไปต่อหน้าต่อตาเขา และมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา 10 เมื่อเขากำลังเขม้นดูฟ้า เวลาที่พระองค์เสด็จขึ้นไปนั้น มีสองคนสวมเสื้อขาวมายืนอยู่ข้างๆเขา 11 สองคนนั้นกล่าวว่า "ชาวกาลิลีเอ๋ย เหตุไฉนท่านจึงเขม้นดูฟ้าสวรรค์ พระเยซูองค์นี้ซึ่งทรงรับไปจากท่านขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกเหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น"

1.มีความเชื่อในพระเจ้าอย่างมั่นคง (1-3) Have Solid Faith in God

1.1 ชีวิตที่ยึดมั่นบนพระวจนะอย่างสัตย์ซื่อ ( 1-2 ) Obedient to the Word of God

ก. คริสเตียนต้องรู้จักความจริงที่มีอยู่ในพระวจนะพระเจ้า

สภษ 2:4-11 ถ้าเจ้าแสวงปัญญาดุจหาเงิน และเสาะหาปัญญาอย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้ 5 นั่นแหละ เจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระเจ้า และพบความรู้ของพระเจ้า 6 เพราะพระเจ้าประทานปัญญา ความรู้และความเข้าใจมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ 7 พระองค์ทรงสะสมสติปัญญาไว้ให้คนเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นโล่ให้แก่ผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์ 8 ทรงรักษาระวังวิถีของความยุติธรรม และทรงสงวนทางของธรรมิกชนของพระองค์ไว้ 9 แล้วเจ้าจะเข้าใจความชอบธรรมและความยุติธรรม และความเที่ยงธรรม คือวิถีที่ดีทุกสาย 10 เพราะปัญญาจะเข้ามาในใจของเจ้า และความรู้จะเป็นที่ร่มรื่นแก่วิญญาณจิตของเจ้า 11 ความเฉลียวฉลาดจะคอยเฝ้าเจ้า และความเข้าใจจะระแวดระวังเจ้าไว้

สดด 119:105 พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์และเป็นความสว่างแก่มรคาของข้าพระองค์

2 คร 8:21 เพราะเรามุ่งที่จะเป็นคนสัตย์ซื่อ มิใช่เฉพาะแต่ในสายพระเนตรองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่ในสายตาของคนทั้งปวงด้วย

ข. คริสเตียนต้องสัตย์ซื่อในการดำเนินชีวิตตามพระวจนะ

สดด 119:1 บรรดาผู้ที่ดีรอบคอบในทางของเขาก็เป็นสุขคือผู้ที่ดำเนินตามพระธรรมของพระเจ้า

2ทธ 2:15 จงอุตส่าห์สำแดงตนว่าได้ทรงพิสูจน์แล้วเป็นคนงานที่ไม่ต้องอาย ใช้พระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง

1.2 ชีวิตที่เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์อยู่ (3) Believe that Jesus Lives

ลก 24:38-42 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม เหตุไฉนความคิดสนเท่ห์จึงบังเกิดขึ้นในใจของท่านทั้งหลายเล่า 39 จงดูมือของเราและเท้าของเราว่าเป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกเหมือนท่านเห็นเรามีอยู่นั้น" 40 {สำเนาต้นฉบับบางฉบับ เพิ่มข้อ40ว่า เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และพระบาทให้เขาเห็น} 41 เมื่อเขาทั้งหลายยังไม่ปลงใจเชื่อ เพราะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างเหลือเชื่อ และกำลังประหลาดใจอยู่ พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า "พวกท่านมีอาหารกินที่นี่บ้างหรือ" 42 เขาก็เอาปลาย่างชิ้นหนึ่งมาถวายพระองค์

ยน 20:27-29 แล้วพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า "จงยื่นนิ้วมาที่นี่และดูมือของเรา จงยื่นมือออกคลำที่สีข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลย จงเชื่อเถิด" 28 โธมัสทูลพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์" 29 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข"

ฟป 1:21 เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้านั้น การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ และการตายก็ได้กำไร

2. การทำพันธกิจต้องรอเวลาของพระเจ้า (4-7) Commission Must Be Carried Out In God’s Timing

ลก 24:49 และดูเถิด เราจะส่งซึ่งพระบิดาของเราทรงสัญญานั้น มาเหนือท่านทั้งหลาย แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุงกว่าท่านจะได้ประกอบด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน"

ยน 16:7-8 อย่างไรก็ตามเราจะบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือการที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป องค์พระผู้ช่วยก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน 8 เมื่อพระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความผิด ความชอบธรรม และการพิพากษา

มธ 3:11 เราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังเรา ทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะถอดฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลาย รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ

3. การทำพันธกิจ ของพระเจ้า ต้องพึ่งพาฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (8)
Commission Must Rely on The Power of The Holy Spirit

ยน 10:30 เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

กจ 1:5 เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระเยซูเองก็รับพระวิญญาณก่อนทำพระราชกิจของพระองค์

ลก 3:21-22 อยู่มาเมื่อคนทั้งปวงรับบัพติศมา และพระเยซูทรงรับด้วย ขณะเมื่อทรงอธิษฐานอยู่ ท้องฟ้าก็แหวกออก 22และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรูปสัณฐานเหมือนนกพิราบได้ลงมาบนพระองค์ และพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า "ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก

และหลังจากนั้นก็ทรงถูกนำเข้าสู่การทดลองในถิ่นทุรกันดาร

ลก 4:1-2 พระเยซูทรงประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กลับไปจากแม่น้ำจอร์แดน และพระวิญญาณได้ทรงนำพระองค์ไป 2ถึงสี่สิบวันในถิ่นทุรกันดาร ทรงถูกมารทดลอง ในวันเหล่านั้นพระองค์มิได้เสวยอะไรเลย และเมื่อสิ้นสี่สิบวันแล้ว พระองค์ทรงอยากพระกระยาหาร

หลังจากการผ่านการทดลองก็ทรงเริ่มทำพระราชกิจ

ลก 4:14-15 พระเยซูได้เสด็จกลับไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณยังแคว้นกาลิลี และกิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปตามถิ่นโดยรอบ 15 พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา และได้รับความสรรเสริญจากคนทั้งปวง

เมื่อเราได้รับบัพติสมาในพระวิญญาณ เราจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช อำนาจจากพระเจ้าในการดำเนินชีวิตปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า

ยน 14:16-17 เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป 17 คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน

พระวิญญาณ มาสำแดงความจริงของพระเจ้าให้แก่ผู้เชื่อ

ยน 14:26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว

พระวิญญาณช่วยให้เรามีกำลังอธิษฐานเมื่อเราอ่อนกำลัง

รม 8:26 ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ

พระวิญญาณทำให้เราสามารถเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพี่น้องคริสเตียน

1 คร 12:13 เพราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิว หรือพวกกรีก เป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวนั้นซาบซ่านอยู่

พระวิญญาณประทานฤทธิ์เดช และอำนาจให้แก่เรา เพื่อการประกาศพระเยซูคริสต์ จนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก

กจ 1:8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"

อฟ 1:18-20 และขอให้ตาใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อท่านจะได้รู้ว่า ในการที่พระองค์ทรงเรียกท่านนั้น พระองค์ได้ประทานความหวังอะไรแก่ท่าน และรู้ว่า มรดกของพระองค์สำหรับธรรมิกชนมีสง่าราศีอันอุดมบริบูรณ์เพียงไร 19 และรู้ว่า ฤทธานุภาพอันใหญ่ของพระองค์มีมากยิ่งเพียงไร สำหรับเราทั้งหลายที่เชื่อ ตามอำนาจของพระกำลัง และฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่งของพระองค์ 20 ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำในพระคริสต์ เมื่อทรงชุบให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย และให้สถิตเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน

อฟ 3:16 ขอให้พระองค์ทรงโปรดประทานกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจแก่ท่าน โดยเดชพระวิญญาณของพระองค์ตามความไพบูลย์แห่งพระสิริของพระองค์

4. พระเยซูคริสต์จะเส็ดจกลับมาเป็นครั้งที่สอง (9-11) Jesus Will Return ( His Second Coming )

ลก 21:27 เมื่อนั้นเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพ และพระสิริเป็นอันมาก

มธ 26:64 พระเยซูตรัสตอบว่า "ท่านว่าถูกแล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกเราบอกท่านทั้งหลายว่า ในเวลาเบื้องหน้านั้น ท่านทั้งหลายจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งข้างขวาของผู้ทรงฤทธานุภาพ และเสด็จมาบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์"

มก 13:26-27 เมื่อนั้นเขาจะเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก 27 เมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้วทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดปลายแผ่นดินโลกถึงที่สุดขอบฟ้า

1 ปต 4:13 แต่ว่าท่านทั้งหลายจงชื่นชมยินดี ในการที่ท่านได้มีส่วนร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์ เพื่อว่าเมื่อพระสิริของพระเจ้าปรากฏขึ้น ท่านทั้งหลายก็จะได้ชื่นชมยินดีเป็นอันมากด้วย

1 ปต 5:2-4 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่าน {สำเนาต้นฉบับบางฉบับเพิ่มคำว่า เอาใจใส่ดูแล} ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจแต่ด้วยความเต็มใจ {สำเนาต้นฉบับบางฉบับเพิ่มคำว่า ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า} ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของที่ได้มาโดยทุจริต แต่ด้วยใจเลื่อมใส 3 และไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น 4 และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่านทั้งหลายจะรับศักดิ์ศรีเป็นมงกุฎที่ร่วงโรยไม่ได้เลย

1 ปต 4:7-8 อวสานของสิ่งทั้งปวงก็ใกล้จะมาถึงแล้ว เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงมีสติสัมปชัญญะ และจงรู้จักสงบใจเพื่อแก่การอธิษฐาน
8 ที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรหมดก็คือจงรักซึ่งกันและกันให้มาก เพราะว่าความรักลบล้างความผิดมากมายได้

2 ปต 3:10-11 แต่ว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมยแอบย่องมา และในวันนั้นท้องฟ้าจะล่วงเสียไปด้วย เสียงที่ดังกึกก้องและโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินโลกกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่ในโลกนั้นจะต้องไหม้เสียสิ้น 11 เมื่อเห็นแล้วว่าสิ่งทั้งปวงจะต้องสลายไปหมดสิ้นเช่นนี้ ท่านทั้งหลายควรจะเป็นคนเช่นใดในชีวิตที่บริสุทธิ์และดีงาม

วว 22:12-13 ดูเถิด เราจะมาในเร็วๆ นี้ และจะนำบำเหน็จของเรามาด้วย เพื่อตอบแทนการกระทำของทุกคน 13 เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสาน"

Friday, October 9, 2009

Friday night prayer

About 60 show up now 19:50
About 110 show up in total, finished on time at 11 PM

Sunday, October 4, 2009

ความใหญ่ยิ่งของพระเจ้าที่เรานมัสการ โดย อ.พรสัณห์

ความใหญ่ยิ่งของพระเจ้าที่เรานมัสการ

ดาเนียล 2 : 1 – 49
24 "แล้วดาเนียลก็เข้าไปหาอารีโอคผู้ซึ่งพระราชาแต่งตั้งให้ฆ่านักปราชญ์แห่งบาบิโลน ท่านได้เข้าไปและกล่าวแก่อารีโอคว่าดังนี้ "ขออย่าฆ่านักปราชญ์แห่งบาบิโลน ขอโปรดนำตัวข้าพเจ้าเข้าไปเฝ้าพระราชา และข้าพเจ้าจะถวายคำแก้ฝันแก่พระราชา" 25 แล้วอารีโอคก็รีบนำตัวดาเนียลเข้าเฝ้าพระราชาและกราบทูลพระองค์ว่า "ข้าพระบาทได้พบชายคนหนึ่ง ในหมู่พวกที่ถูกกวาดเป็นเชลยมาจากยูดาห์ ชายผู้นี้จะให้พระราชาทรงรู้คำแก้พระสุบินได้" 26 พระราชาจึงตรัสแก่ดาเนียลผู้มีชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ว่า "เจ้าสามารถที่จะให้เรารู้ถึงความฝันที่เราได้ฝันนั้นและคำแก้ได้หรือ" 27 ดาเนียลกราบทูลพระราชาว่า "ไม่มีนักปราชญ์หรือหมอดู หรือโหร หรือหมอดูฤกษ์ยามสำแดงความลับลึกซึ่งพระราชาไต่ถามแด่พระองค์ได้ 28 แต่มีพระเจ้าองค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ผู้ทรงเผยความลึกลับทั้งหลาย และพระองค์ทรงให้พระราชาเนบูคัดเนสซาร์รู้ถึงสิ่งซึ่งจะบังเกิดขึ้นในวาระภายหลังพระสุบินของพระองค์ และนิมิตที่ผุดขึ้นในพระเศียรของพระองค์บนพระแท่นนั้นเป็นดังนี้พระเจ้าข้า 29 ข้าแต่พระราชา ขณะเมื่อฝ่าพระบาทบรรทมอยู่บนพระแท่น พระดำริในเรื่องซึ่งจะบังเกิดมาภายหลังได้ผุดขึ้น และพระองค์นั้นผู้ทรงเผยความลึกลับก็ทรงให้ฝ่าพระบาทรู้ถึงสิ่งที่จะบังเกิดมา 30 ฝ่ายข้าพระบาท ซึ่งทรงเผยความลับลึกนี้แก่ข้าพระบาทนั้น มิใช่เพราะข้าพระบาทมีปัญญามากกว่าผู้มีชีวิตทั้งหลาย แต่เพื่อพระราชาจะทรงรู้คำแก้พระสุบิน และเพื่อฝ่าพระบาทจะทรงรู้พระดำริในพระทัยของฝ่าพระบาท 31 "ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาททอดพระเนตร และดูเถิด มีปฏิมากรขนาดใหญ่ ปฏิมากรนี้มีฤทธิ์และสุกใสยิ่งนัก ตั้งอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าพระบาทและรูปร่างก็น่ากลัว 32 เศียรของพระปฏิมากรนี้เป็นทองนพคุณ อกและแขนเป็นเงิน ท้องและโคนขาเป็นทองสัมฤทธิ์ 33 ขาเป็นเหล็ก เท้าเป็นเหล็กปนดิน 34 ขณะเมื่อพระองค์ทอดพระเนตร มีหินก้อนหนึ่งถูกตัดออกมามิใช่ด้วยมือมนุษย์ กระทบปฏิมากรที่เท้าอันเป็นเหล็กปนดิน กระทำให้แตกเป็นชิ้นๆ 35 แล้วส่วนเหล็ก ส่วนกระเบื้อง ส่วนทองสัมฤทธิ์ ส่วนเงิน และส่วนทองคำก็แตกเป็นชิ้นๆพร้อมกันกลายเป็นเหมือนแกลบจากลานนวดข้าวในฤดูร้อน ลมก็พัดพาเอาไป จึงหาร่องรอยไม่พบเสียเลย แต่ก้อนหินที่กระทบปฏิมากรนั้นกลายเป็นภูเขาใหญ่จนเต็มพิภพ 36 "นี่เป็นพระสุบินพระเจ้าข้า บัดนี้เหล่าข้าพระบาทขอกราบทูลคำแก้พระสุบินให้พระราชาทรงทราบ 37 ข้าแต่พระราชา พระราชาจอมพระราชาทั้งหลาย ซึ่งพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ทรงประทานราชอาณาจักร อานุภาพ ฤทธิ์เดชและศักดิ์ศรี 38 และได้ทรงมอบไว้ในหัตถ์พระองค์ท่านซึ่งบุตรชายทั้งหลายของมนุษย์ สัตว์ในทุ่งนาและนกในอากาศไม่ว่ามันจะอาศัยอยู่ณที่ใดๆให้แก่ฝ่าพระบาท กระทำให้ฝ่าพระบาทปกครองมันได้ทั้งหมด เศียรทองคำนั้นคือฝ่าพระบาทเอง 39 ต่อจากฝ่าพระบาทไปจะมีราชอาณาจักรด้อยกว่าฝ่าพระบาท และยังมีราชอาณาจักรที่สามเป็นทองสัมฤทธิ์ ซึ่งจะปกครองอยู่ทั่วพิภพ 40 และจะมีราชอาณาจักรที่สี่แข็งแรงดั่งเหล็ก เพราะเหล็กตีสิ่งทั้งหลายให้หักและแตกเป็นชิ้นๆราชอาณาจักรนั้นจะหักและทุบสิ่งเหล่านี้ดังเหล็กซึ่งทุบให้แหลก 41 ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตร เท้าและนิ้วเท้าเป็นดิน ช่างหม้อบ้าง เหล็กบ้าง จะเป็นราชอาณาจักรประสม แต่ความเหนียวของเหล็กจะยังอยู่ในนั้นบ้าง ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเหล็กปนดินเหนียว 42 และนิ้วเท้าเป็นเหล็กปนดินฉันใด ราชอาณาจักรนั้นจึงแข็งแรงบ้างเปราะบ้างฉันนั้น 43 ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเหล็กปนดินเหนียว ราชอาณาจักรจะปนกันด้วยการสมรส แต่จะไม่ยึดกันแน่นไว้ได้อย่างเดียวกับที่เหล็กไม่ประสมเข้ากับดิน 44 และในสมัยของพระราชาเหล่านั้น พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงสถาปนาราชอาณาจักรหนึ่ง ซึ่งไม่มีวันทำลายเสียได้ หรือราชอำนาจนั้นจะไม่ตกไปแก่ชนชาติอื่นราชอาณาจักรนั้นจะกระทำ ให้ราชอาณาจักรเหล่านี้แตกเป็นชิ้นๆถึงอวสาน และราชอาณาจักรนั้นจะตั้งมั่นอยู่เป็นนิตย์ 45 ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรก้อนหินถูกตัดออกจากภูเขา มิใช่ด้วยมือมนุษย์ และก้อนหินนั้นได้กระทำให้เหล็ก ทองสัมฤทธิ์ ดิน เงิน และทองคำแตกเป็นชิ้นๆพระเจ้ายิ่งใหญ่ได้ทรงให้พระราชารู้ว่าอะไรจะบังเกิดมาภายหลังนี้ พระสุบินนั้นเที่ยงแท้และคำแก้พระสุบินก็แน่นอน" 46 แล้วพระราชาเนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงกราบลงและเคารพดาเนียล และมีพระบัญชาให้นำเครื่องบูชาและเครื่องหอมมาถวายดาเนียล 47 พระราชาตรัสกับดาเนียลว่า "แน่นอนทีเดียว พระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้าของพระทั้งหลาย และทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของพระราชาทั้งปวง ทรงเป็นผู้เผยความลึกลับ เพราะท่านสามารถที่จะเผยความลึกลับนี้ได้" 48 ฝ่ายพระราชาก็พระราชทานยศชั้นสูง และของพระราชทานยิ่งใหญ่เป็นอันมากแก่ดาเนียล และแต่งตั้งให้เป็นผู้ครอบครองหมดเมืองบาบิโลน และเป็นประธานใหญ่ของนักปราชญ์ทั้งสิ้นแห่งบาบิโลน 49 ดาเนียลก็กราบทูลขอต่อพระราชาและพระองค์ทรงตั้งให้ชัดรัค เมชาคและเอเบดเนโกเป็นผู้จัดธุรกิจในเมืองบาบิโลน แต่ดาเนียลยังคงอยู่ในราชสำนัก

เหล่าผู้มีปัญญาของนครบาบิโลน
โหร : ผู้วิเศษ - ปฐก. 41 : 8
หมอดู : นักดาราศาสตร์
นักวิทยาคม : นักเล่นคาถาอาคม – ฉธบ. 18 : 10
คนเคลเดีย : พระและนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียง

ปฐก. 41 : 8 ครั้นเวลารุ่งเช้า พระองค์มีพระทัยเศร้าโศก จึงรับสั่งให้เรียกโหรและปราชญ์ทั้งปวงของอียิปต์มาเฝ้า แล้วฟาโรห์ทรงเล่าพระสุบินให้เขาฟัง แต่ไม่มีผู้ใดทูลแก้พระสุบินนั้นถวายแก่ฟาโรห์ได้

ฉธบ. 18 : 10 อย่าให้มีคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านซึ่งให้บุตรชายหรือบุตรหญิงของเขาลุยไฟ อย่าให้ผู้ใดเป็นคนทำนาย เป็นหมอดู เป็นหมอจับยามดูเหตุการณ์ หรือเป็นนักวิทยาคม

ค่าตอบแทนสำหรับพระสุบินและคำแก้พระสุบิน
ถ้าทำได้ถูกต้อง ของขวัญ รางวัล เกียรติยศ
ถ้าทำไม่ถูกต้อง แขนขาถูกทึ้งออก บ้านเรือนถูกทำลาย

1. พระเจ้าใหญ่ยิ่งเหนือกว่าพระทั้งปวง (19 – 21 ก, 46 – 47 ก)

ปฐก. 1 : 1 ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง {หรือ เมื่อพระเจ้าทรงเริ่มเนรมิตสร้าง} ฟ้าและแผ่นดิน

สดด. 104 : 1 จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ใหญ่ยิ่งนัก พระองค์ทรงเกียรติและความสูงส่งเป็นฉลองพระองค์

สดด. 113 : 5 ไม่มีพระใดเป็นเหมือนพระเจ้าของเรา ผู้ประทับบนที่สูง

อพย. 15 : 11 ข้าแต่พระเจ้า ในบรรดาพระทั้งปวงองค์ไหนจะเป็นเหมือนพระองค์เล่า องค์ไหนจะเหมือนพระองค์ผู้ทรงประกอบด้วยความบริสุทธิ์และน่าเกรงขามเนื่องด้วยพระราชกิจอันรุ่งเรืองและอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำ

ฉธบ. 3 : 24 ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้า พระองค์เพิ่งทรงสำแดงอานุภาพและฤทธิ์พระหัตถ์ของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะมีพระเจ้าองค์ไหนเล่าในสวรรค์ ในแผ่นดินโลกซึ่งอาจกระทำตามการสำคัญ และการอิทธิฤทธิ์ดังพระองค์ได้

มก. 16 : 17 - 18 มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ 18เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค"

“พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ คือ พระเจ้าจริงเที่ยงแท้”

2. พระเจ้าใหญ่ยิ่งเหนือกว่าพระราชาทั้งหลาย (21 ข, 22 – 43, 47 ข)

สดด. 89 : 8 ข้าแต่พระเจ้าจอมโยธา ข้าแต่พระเจ้า ผู้ใดจะทรงฤทธานุภาพเท่าเทียมพระองค์ด้วยความสัตย์สุจริตของพระองค์รอบพระองค์

3. พระเจ้าใหญ่ยิ่งเหนือกว่าพสกนิกรทั้งหมด (21 ค, 44 - 45)

สดด. 113 : 4 พระเจ้าประทับอยู่สูงเหนือประชาชาติทั้งปวง และพระสิริของพระองค์สูงเหนือฟ้าสวรรค์

พระพรแห่งการเข้าใจและตระหนักถึงความใหญ่ยิ่งของพระเจ้า
1. ยศชั้นสูง (48)
2. ของพระราชทานยิ่งใหญ่ (48)
3. ผู้ครอบครอง และประธานนักปราชญ์ (48)
4. ผู้จัดธุรกิจในกรุงบาบิโลน (49)

“พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ใหญ่ยิ่ง เหนือกว่าทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในโลก”