Wednesday, July 29, 2009

ฟื้นฟูชีวิตท่ามกลางอุปสรรคและปัญหา โดย อ.กนก

ฟื้นฟูชีวิตท่ามกลางอุปสรรคและปัญหา

อสย.40:27-31
โอ ยาโคบเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงว่า โอ อิสราเอลเอ๋ย ทำไมจึงพูดว่า "ทางของข้าพเจ้าปิดบังไว้จากพระเจ้า และความยุติธรรมอันควรตกแก่ข้าพเจ้านั้นก็ผ่านพระเจ้าของข้าพเจ้าไปเสีย 28 ท่านไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ย หรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าพระทัยของพระองค์ก็เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ 29 พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง 30 แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว 31 แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย

อสย.1:1 นิมิตของอิสยาห์บุตรชายของอามอส ซึ่งท่านได้เห็นเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็ม ในรัชกาลของอุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์

อิสยาห์ได้รับใช้พระเจ้าด้วยการเผยพระวจนะในประเทศยูดาห์ หรืออิสราเอลใต้ ในรัชสมัยของกษัตริย์อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ ประมาณ ศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล
อิสยาห์ตายในสมัยของกษัตริย์มนัสเสห์ ซึ่งเป็นกษัติย์ที่ชั่วร้ายและไม่ติดตามพระเจ้า อิสยาห์ได้ถูกประหารอย่างทนทุกข์ทรมานด้วยการถูกเลื่อยออกเป็นท่อนๆ

ฮบ.11:37 บางคนก็ถูกขว้างด้วยก้อนหิน บางคนก็ถูกเลื่อยเป็นท่อนๆ บางคนก็ถูกฆ่าด้วยคมดาบ บางคนก็นุ่งห่มหนังแกะหนังแพะพเนจรไป สิ้นเนื้อประดาตัว ตกระกำลำบากและถูกเคี่ยวเข็ญ

อิสยาห์รับการสนับสนุนอย่างมากในสมัยกษัตริย์โยธาม

2 พศด.27:6 โยธามจึงทรงมีกำลังมากขึ้น เพราะพระองค์ทรงหันไปดำเนินตามน้ำพระทัยของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์

2 พกษ.15:38 โยธามได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และได้ฝังไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิด บรรพบุรุษของพระองค์ และอาหัสโอรสของพระองค์ขึ้นครอบครองแทน

2 พกษ.16:2 อาหัสมีพระชนมายุยี่สิบพรรษา เมื่อพระองค์ทรงเริ่มครอบครองและพระองค์ทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี และพระองค์มิได้ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ ดังดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ

มัทธิว 26:3-4 ครั้งนั้นพวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชน ได้ประชุมกันที่สำนักของมหาปุโรหิตประจำการชื่อคายาฟาส ปรึกษากันเพื่อจะจับพระเยซูด้วยอุบายเอาไปฆ่าเสีย

มัทธิว 26:55 ขณะนั้นพระเยซูได้ตรัสกับหมู่ชนว่า "ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือ จึงถือดาบถือตะบองออกมาจับเรา เราได้นั่งสั่งสอนในบริเวณพระวิหารทุกวัน ท่านก็หาได้จับเราไม่

กจ.17:5-7 แต่พวกยิวก็อิจฉาไปคบคิดกับคนพาลตามตลาด รวบรวมกันมาเป็นอันมากก่อการจลาจลในบ้านเมือง เข้าบุกบ้านของยาโสน ตั้งใจจะพาท่านทั้งสองออกมาให้คนทั้งปวง ครั้นไม่พบ จึงฉุดลากยาโสนกับพวกพี่น้องบางคนไปหาเจ้าหน้าที่ผู้ครองเมือง ร้องว่า "คนเหล่านั้นที่เป็นพวกคว่ำโลกมนุษย์มาที่นี่ด้วย ยาโสนรับรองเขาไว้ และบรรดาคนเหล่านี้ได้กระทำผิดคำสั่งของซีซาร์ โดยเขาสอนว่ามีกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง คือ พระเยซู"

มธ.3:12 พระหัตถ์ของพระองค์ถือพลั่วพร้อมแล้ว และจะทรงชำระลานข้าวของพระองค์ให้ทั่ว พระองค์จะทรงเก็บข้าวของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้ดับ"

อิสยาห์ 39:6 ดูเถิด วันเวลากำลังย่างเข้ามา เมื่อสรรพสิ่งทั้งสิ้นในวังของเจ้า และสิ่งซึ่งบรรพบุรุษของเจ้าได้สะสมจนถึงทุกวันนี้จะต้องถูกเอาไปยังบาบิโลน จะไม่มีสิ่งใดเหลือเลย พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ

อิสยาห์ได้หนุนใจประชาชนว่า แม้จะรู้ว่าในอนาคตจะต้องถูกเนรเทศไปยังบาบิโลนก็ตาม แต่พระเจ้าจะปลดปล่อยประชากรของพระองค์อย่างแน่นอน และจะนำเขากลับมายังเยรูซาเล็ม ดังนั้นอย่าท้อใจ แต่ให้มีกำลังขึ้น
ผู้ที่รอคอยพระเจ้า พระองค์จะทรงเสริมเรี่ยวแรงขึ้นใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย แม้อยู่ในปัญหาที่รุมเร้ามากมาย เขาจะมีกำลังขึ้นอย่างอัศจรรย์ เพราะไม่ใช่กำลังของเรา แต่เป็นโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์

ให้เราไว้วางใจในพระเจ้า ตระหนักถึงพระสัญญาของพระเจ้า มองปัญหาด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกของตัวเอง

ท่ามกลางอุปสรรคปัญหา ท่ามกลางความหวั่นไหวในใจกับสถานการณ์ที่กำลังจะเข้ามา เราจะมีชีวิตฟื้นฟูได้อย่างไร ให้เรามีโอกาสพิจารณาพระคัมภีร์ตอนนี้ด้วยกัน

ท่าทีของคนของพระเจ้าในการเผชิญปัญหาและยังรักษาชีวิตที่ฟื้นฟูนั้นเป็นอย่างไร

1.ไม่ต่อว่า แต่ไว้วางใจในพระเจ้า (27)

กจ.7:32 "เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า คือพระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัคและของยาโคบ" โมเสสจึงกลัวจนตัวสั่นไม่อาจมองดู

ปฐก.32:28 บุรุษนั้นจึงว่า "เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไป แต่จะเรียกว่า อิสราเอล

มธ 10:30 ถึงผมของท่านทั้งหลาย ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น

ลก 11:13 เพราะฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์"

ยน 10:14 เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เรารู้จักแกะของเราและแกะของเราก็รู้จักเรา

รม 3:24 แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว

บางทีมนุษย์ก็ชอบมองอะไรเข้าข้างตัวเองอย่างเดียว เวลามีปัญหาก็ไม่ค่อยชอบโทษตัวเอง แต่ไปโทษผู้อื่นเสมอ

ฮบ 12:6-8 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงรับและทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุตรของพระองค์ ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่าที่บิดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ

1พกษ17:1 ฝ่ายเอลียาห์ชาวทิชบีผู้ซึ่งตั้งอาศัยอยู่ในกิเลอาด ได้ทูลอาหับว่า "พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ซึ่งข้าพระบาทปฏิบัติ ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในปีเหล่านี้ นอกจากตามคำของข้าพระบาท

จะเป็นการตีสอนของพระเจ้า หรือเป็นอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต ให้เรารับด้วยท่าทีถูกต้อง หากเป็นการตีสอนก็ให้เรากลับใจ ไม่ไปต่อว่าพระเจ้าหรือคนอื่น หรือสถานการณ์ และหากเป็นอุปสรรคในชีวิตที่มาสร้างเรา ให้เรารับด้วยใจขอบพระคุณ เพราะเรารู้ว่าไม่ว่าจะเป็นการตีสอนหรืออุปสรรคในชขีวิตต่างก็เพื่อประโยชน์แก่เราทั้งสิ้น ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี ไม่บ่นต่อว่า

2 ตระหนักถึงพระลักษณะพระเจ้า (28-29)

2 1) ทรงเป็นพระผู้สร้าง (The Creator)

2 2) ไม่ทรงอ่อนเพลียหรือเหน็ดเหนื่อย (Not Faint or weary)

2 3) ทรงสรรพัญญู (Omnipotent)

2 4) ทรงเป็นพระผู้ช่วย (Savior)

ความจริงปัญหาของมนุษย์ทุกคนคือความบาป ความบาปทำให้เราอ่อนกำลัง และโทษของความบาปคือความตายในนรกบึงไฟ
พระคัมภีร์บอกเราไว้ว่าใครที่บอกว่าตัวเองไม่มีบาป เขาก็กำลังหลอกลวงตนเอง

1ยน 1:8 ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็ลวงตนเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในเราเลย

มธ 5:3 บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา

ยน 20:27-29 แล้วพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า "จงยื่นนิ้วมาที่นี่และดูมือของเรา จงยื่นมือออกคลำที่สีข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลย จงเชื่อเถิด" โธมัสทูลพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข"

คนที่เข้าใจว่าพระเจ้าของเราเป็นอย่างไร เขาก็สามารถไว้ใจพระเจ้าได้ เพราะเขารู้ว่าแม้ในความยากลำบาก พระเจ้าก็ทรงอนุญาต และพระเจ้าทรงรักเรา “จะไม่มีสักครั้งที่พระเจ้าจะหวังร้ายกับเรา”

3.ตอบสนองพระเจ้าอย่างถูกต้อง (30-31)

3 1) มองอุปสรรคไม่ใช่ด้วยสายตาของเหตุและผล (30)

3 2) มีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า (31)

ปญจ.4:12 แม้คนหนึ่งสู้คนเดียวได้ สองคนคงสู้เขาได้แน่ เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้

ยน.15:4 จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น

ผลของการรอคอยพระเจ้าอย่างถูกต้อง คือการมีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า

ก. รับการเสริมเรี่ยวแรงใหม่ (31ก)

ข. ดำเนินชีวิตอย่างแข็งแกร่งแม้เผชิญอุปสรรคปัญหา (31ข)

คนที่มีความหวังใจในพระเจ้า ชีวิตของเขาจะเต็มไปด้วยกำลัง และการฟื้นฟู จะไม่มีอะไรทำให้เขาท้อใจได้เพราะเขามั่นใจในพระเจ้า และพระเจ้าจะช่วยกู้เขาจากอุปสรรคปัญหา เขาจะมีกำลัง มีความแข็งแกร่งท่ามกลางอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต

No comments: