กจ.2:41 คนทั้งหลายที่รับคำของเปโตรก็รับบัพติศมา ในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน
1.ชีวิตอัศจรรย์ เริ่มต้นด้วยการทรงเรียกจากพระเจ้า
1.1. พระเจ้าทรงเรียกขณะที่เราดำเนินในวิถีชีวิตทั่วไป (1-3)
1.2. พระเจ้าทรงเรียกเราอย่างเจาะจง และไม่บังเอิญ (4-5)
ยน.14:3 เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้วเราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย
1.3. พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นศูนย์กลางของชีวิตอัศจรรย์ (6)
มธ.4:23 พระเยซูได้เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลีทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บของชาวเมืองให้หาย
มธ.19:2 ฝูงชนเป็นอันมากได้ตามพระองค์ไปแล้วพระองค์ทรงรักษาโรคของเขาให้หายที่นั่น
รม.5:8-9 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา 9เพราะเหตุนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นเราจะพ้นจากพระอาชญาของพระเจ้าโดยพระองค์
อฟ.2:13 แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกลได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์
2. ชีวิตอัศจรรย์ เป็นได้โดยการตอบสนองพระเจ้า (7-10)
2.1.ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน (7-8ก)
2.2.สรรเสริญยกย่องพระเจ้า (8ข-10)
รม.3:10 ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่าไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย
รม.5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้นพระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
ยน.3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ฟป.2:8 และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้วพระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลง ยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณากระทั่งความมรณาที่กางเขน
วว.3:20 นี่แน่ะเรายืนเคาะอยู่ที่ประตูถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตูเราจะเข้า ไปหาผู้นั้นและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขาและเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา
รม.10:9 คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่าพระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจาก ความตาย ท่านจะรอด
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment