Sunday, May 24, 2009

ทาสที่ดี สัตย์ซื่อในหน้าที่ โดย อ.กอบชัย

ทาสที่ดี สัตย์ซื่อในหน้าที่

มธ.25:14-30
และยังเปรียบเหมือน ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้ 15 คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ {เงินหนึ่งตะลันต์ มีค่าประมาณสองหมื่นบาท} คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคนแล้วท่านก็ไป 16 คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที ได้กำไรเท่าตัว 17 คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน 18 แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้ 19 ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น 20 คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า "นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์" 21 นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด" 22 คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า "นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์" 23 นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด" 24 ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า "นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย 25 ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด นี่แหละเงินของท่าน" 26 นายจึงตอบว่า "อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้หรือว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย 27 เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย 28 เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ 29 ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา 30 เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"

มธ 24:44 เตือนให้คริสเตียนทุกคนดำเนินชีวิต เตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะพระเยซู จะเสด็จกลับมาครั้งที่สอง ในวันเวลาที่เราคาดไม่ถึง

มธ 25: 1-13 เมื่อถึงวันนั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือน หญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว 2 เป็นคนโง่ห้าคน เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน 3ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป แต่หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่ 4คนที่มีปัญญานั้นได้เอาน้ำมันใส่กาไปกับตะเกียงของตนด้วย 5เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ ก็พากันง่วงเหงาและหลับ6ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า "เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด“ 7 พวกหญิงพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน 8พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า "ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว9พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า "น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า“ 10เมื่อกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง ผู้ที่พร้อมอยู่แล้ว ก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด 11ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคน ก็มาร้องว่า "ท่านเจ้าข้าๆขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย" 12 ฝ่ายท่านตอบว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน“ 13เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น

1. นายฝากทรัพย์สมบัติให้ทาสดูแลตามความสามารถอย่างยุติธรรม (ข้อ 14, 15)
The master entrusted his property under the care of the servants according to their abilities.

มธ 25:1 เมื่อถึงวันนั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือน หญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว

รม 12:4-8 เพราะว่า ในร่างกายอันเดียวนั้น เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆมิได้มีหน้าที่เหมือนกันฉันใด 5 พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น 6 และเราทุกคนมีของประทานที่ต่างกัน ตามพระคุณที่ได้ประทานให้แก่เรา คือถ้าเป็นการเผยพระวจนะ ก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อ 7 ถ้าเป็นการปรนนิบัติก็จงปรนนิบัติ ถ้าเป็นการสั่งสอนก็จงสั่งสอน 8 ถ้าเป็นการเตือนสติก็จงเตือนสติ ถ้าเป็นการบริจาค ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี

1คร 12:4-14 ของประทานนั้นมีต่างๆ กัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน 5 งานรับใช้มีต่างๆ กัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน 6 กิจกรรมมีต่างๆกัน แต่มีพระเจ้าองค์เดียวกันเป็นต้นเหตุแห่งกิจกรรมนั้นๆ ในทุกคน 7 การสำแดงของพระวิญญาณนั้นมีแก่ทุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน 8 พระเจ้าทรงโปรดประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำประกอบด้วยสติปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำอันประกอบด้วยความรู้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน 9 และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน และให้อีกคนหนึ่งมีความสามารถรักษาคนป่วยได้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน 10 และให้อีกคนหนึ่งทำการอิทธิฤทธิ์ต่างๆและให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะได้ และให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆและให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆและให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆ ได้ 11 สิ่งสารพัดเหล่านี้ พระวิญญาณองค์เดียวกันทรงบันดาลและประทานแก่แต่ละคนตามชอบพระทัยพระองค์ 12 ถึงกายนั้นเป็นกายเดียว ก็ยังมีอวัยวะหลายส่วน และอวัยวะเหล่านั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นกายเดียวกันฉันใด พระคริสต์ก็ทรงเป็นฉันนั้น 13 เ พราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิว หรือพวกกรีก เป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวนั้นซาบซ่านอยู่ 14 เพราะว่าร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ด้วยหลายอวัยวะ

2. ทาสที่สัตย์ซื่อใช้ตะลันต์เต็มที่ (ข้อ 16-18)
Faithful servants put their full talents to work.

3. ทาสที่รับใช้นายอย่างสัตย์ซื่อจะได้รับรางวัล (ข้อ 19-24)
Faithful servants received commendation and reward.

3.1 พระเยซูจะตรวจตราความสัตย์ซื่อของเราเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาเป็นครั้งที่สอง (ข้อ 19)
Jesus will judge our faithfulness when he returns (v. 19)

3.2 ทาสที่สัตย์ซื่อจะได้รับรางวัล (ข้อ 20 – 24)
Faithful servants will be rewarded (vv 20-24)

3.2.1 ทาสคนแรกสัตย์ซื่อในการรับใช้นายอย่างเต็มที่
The first servant served his master faithfully

3.2.2 นายจะให้รางวัลเพราะรับใช้อย่างสัตย์ซื่อ และเกิดผล
The master rewards him for his faithfulness and fruitfulness

ก) “ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสที่ดีและสัตย์ซื่อ”
The Master commended the faithful servants

มก 9:7 แล้วมีเมฆมาปกคลุมเขาไว้และมีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา จงเชื่อฟังท่านเถิด"

ข) “ได้รับเกียรติให้ดูแลของมากมาย”
The Master rewarded the faithful servants

ค) นายจะให้ร่วมในความสุขกับนาย
Faithful servants will share the Master’s hapiness

4. ทาสที่ไม่สัตย์ซื่อจะถูกตำหนิว่ากล่าว และถูกลงโทษรุนแรง (ข้อ 24-26)
Unfaithful servant will be censured (vv 24-26)

4.1 ทาสที่ไม่สัตย์ซื่อมักจะมีทัศนคติไม่ดีต่อนาย และมีนิสัยขี้เกียจ (ข้อ 24)
Unfaithful servant has bad attitude towards his master (v. 24)

ลก 7:41-43 พระองค์จึงตรัสว่า "เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเหรียญเดนาริอัน อีกคนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าสิบเหรียญ 42 เมื่อเขาไม่มีอะไรจะใช้หนี้แล้ว ท่านจึงโปรดยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า" 43 ซีโมนจึงทูลว่า "ข้าพเจ้าเห็นว่าคนที่นายได้โปรดยกหนี้ให้มาก ก็เป็นคนที่รักนายมาก" พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า "ท่านคิดเห็นถูกแล้ว"

ลก 7:47 เหตุฉะนั้นเราบอกท่านว่า ความผิดบาปของนางซึ่งมีมากได้โปรดยกเสียแล้ว เพราะนางรักมาก แต่ผู้ที่ได้รับการยกโทษน้อย ผู้นั้นก็รักน้อย"

4.2 พระเจ้าว่ากล่าว (ข้อ 26)
God condemned unfaithfulness

4.3 พระเจ้าจะลงโทษทาสที่ไม่สัตย์ซื่อ (ข้อ 30)
God judges unfaithfulness (v. 30)

มธ 10:8 จงรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย คนตายแล้วให้ฟื้น คนโรคเรื้อนให้หายสะอาด และจงขับผีให้ออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆจงให้เปล่าๆ

5. การดำเนินชีวิตทุกอย่างจะมีผลกับชีวิตของเรา (ข้อ 28 – 29)
We will reap the fruit from what we sow in life (vv 28-29)

5.1 ถ้าเราสัตย์ซื่อในการรับใช้ อะไรที่มีอยู่แล้ว พระเจ้าจะเพิ่มเติมให้อีกจนเหลือเฟือ
If we are faithful, God will multiply what we already have

5.2 ผู้ไม่สัตย์ซื่อในการรับใช้ อะไรที่มีอยู่ พระเจ้าจะเอาไปจากเขา
If we are unfaithful, God will take what he gave

กท 6:7-9 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น 8 ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น 9 อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร

2คร 9:6-8 นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก 7 ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี 8 และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย

2 คร 4:16-18 เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน 17 เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆน้อยๆของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้ 18 เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์

อฟ 5:15-16 เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา 16 จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว

1ทธ 4:10 เหตุที่เราตรากตรำทำงานและทนสู้ ก็เพราะว่าเรามีความหวังใจในพระเจ้าผู้ดำรงพระชนม์ พระผู้ช่วยให้รอดของคนทั้งปวง โดยเฉพาะของผู้ที่เชื่อในพระองค์

ยก 5:7-8 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จงดูชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน เพียรคอยจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู 8 ท่านทั้งหลายก็จงอดทนเช่นนั้นเหมือนกัน จงตั้งอกตั้งใจให้ดี เพราะใกล้จะถึงเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาแล้ว

1 ปต 5:2-4 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่าน ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจแต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของที่ได้มาโดยทุจริต แต่ด้วยใจเลื่อมใส 3 และไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น 4 และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่านทั้งหลายจะรับศักดิ์ศรีเป็นมงกุฎที่ร่วงโรยไม่ได้เลย

No comments: