คุณจำเรื่อง ภรรยาของโลท ได้ไหม ?
ปฐก. 19:12-29
แล้วแขกทั้งสองจึงพูดกับโลทว่า"ที่นี่เจ้ามีใครอีกหรือ บุตรเขย บุตรชาย บุตรหญิง คนของเจ้าในเมืองนี้ จงนำออกไปจากที่นี้ให้หมด 13เรากำลังจะทำลายเมืองนี้แล้ว เพราะเสียงร้องกล่าวโทษประชาชนของเมืองนี้ต่อพระเจ้าดังนักหนา และพระเจ้าทรงใช้เรามาทำลายเมืองนี้เสีย" 14โลทจึงออกไปพูดกับบุตรเขย ผู้ที่จะแต่งงานกับบุตรหญิงของตนว่า "ลุกขึ้นออกจากที่นี้เถิด เพราะพระเจ้ากำลังจะทำลายเมืองนี้" แต่บุตรเขยของเขากลับหาว่าโลทล้อเล่น 15ครั้งเวลารุ่งเช้า ทูตสวรรค์จึงชักชวนโลทว่า "ลุกขึ้นพาภรรยาของเจ้า และบุตรหญิงทั้งสองของเจ้า ผู้อยู่ที่นี่ไปเสีย เกรงว่าเมื่อเมืองนี้ถูกลงอาชญาให้พินาศ เจ้าจะเสียชีวิตไปด้วย"16แต่โลทยังรีรอ ดังนั้นชายทั้งสองจึงคว้ามือเขาและภรรยา และบุตรหญิงทั้งสอง ด้วยพระกรุณาคุณของพระเจ้าที่มีต่อเขา ท่านทั้งสองนำเขาออกมาเสียนอกเมือง 17เมื่อท่านทั้งสองพาเขาออกมาแล้ว ท่านพูดว่า "หนีเอาชีวิตรอดเถิด อย่าเหลียวหลังหรือหยุดณที่ใดในลุ่มน้ำ หนีไปที่เนินเขา มิฉะนั้นเจ้าจะเสียชีวิต" 18โลทเรียนท่านทั้งสองว่า"อย่าเลยนาย19ดูเถิด ผู้รับใช้ของท่านเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านแล้วและท่านได้สำแดงความกรุณาอันยิ่งใหญ่ในการช่วยชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะหนีไปที่เนินเขาไม่ได้ เกรงว่าภัยภิบัตินั้นจะตามทันและข้าพเจ้าจะตายเสีย 20ดูซิเมืองโน้นอยู่ใกล้พอที่จะหนีไปถึงได้และเป็นเมืองเล็กขอให้ข้าพเจ้าหนีไปที่นั่น เมืองนั้นเป็นเมืองเล็กๆ แล้วชีวิตของข้าพเจ้าจะรอด" 21ทูตสวรรค์พูดกับเขาว่า"เราอนุญาตเรื่องนี้ คือเราจะไม่ทำลายเมืองที่เจ้าพูดถึงนั้นเสีย 22รีบเถิด หนีไปที่นั่น เพราะเราจะทำอะไรไม่ได้จนกว่าเจ้าจะไปถึงที่นั่น" ฉะนั้นเขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่าโศอาร์ {แปลว่า เล็กน้อย} 23เมื่อโลทมาถึงเมืองโศอาร์ตะวันก็ขึ้นแล้ว 24แล้วพระเจ้าทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเจ้าตกจากฟ้าลงมาบนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์
25และพระองค์ทรงขยี้เมืองเหล่านั้น ลุ่มน้ำทั้งหมด ชาวเมืองทั้งสิ้นและพืชต่างๆ 26ส่วนภรรยาของโลทผู้อยู่ข้างหลังโลทเหลียวกลับไปมองดู นางจึงกลายเป็นเสาเกลือไป 27เวลาเช้ามืดอับราฮัมออกไปยังที่ที่ท่านยืนเฝ้าพระเจ้า 28ท่านมองลงไปทางเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ และตรงดินแดนในลุ่มน้ำ ก็เห็นแผ่นดินลุกเป็นควันพลุ่งขึ้นเหมือนควันเตาไฟใหญ่ 29ดังนั้น เมื่อพระเจ้าทรงทำลายหัวเมืองในลุ่มน้ำ พระเจ้าจึงทรงระลึกถึงอับราฮัม และส่งโลทออกไปจากเมืองที่ถูกขยี้ เมื่อพระองค์ทรงขยี้เมืองที่โลทอาศัยอยู่
ปฐก. 19:12-13 แล้วแขกทั้งสองจึงพูดกับโลทว่า "ที่นี่เจ้ามีใครอีกหรือบุตรเขย บุตรชาย บุตรหญิง คนของเจ้าในเมืองนี้ จงนำออกไปจากที่นี้ให้หมด 13เรากำลังจะทำลายเมืองนี้แล้ว เพราะเสียงร้องกล่าวโทษประชาชนของเมืองนี้ต่อพระเจ้าดังนักหนา และพระเจ้าทรงใช้เรามาทำลายเมืองนี้เสีย”
ปฐก. 19:17; 23-24 เมื่อท่านทั้งสองพาเขาออกมาแล้ว ท่านพูดว่า "หนีเอาชีวิตรอดเถิด อย่าเหลียวหลังหรือหยุดณที่ใดในลุ่มน้ำหนีไปที่เนินเขามิฉะนั้นเจ้าจะเสียชีวิต” 23เมื่อโลทมาถึงเมืองโศอาร์ตะวันก็ขึ้นแล้ว24แล้วพระเจ้าทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเจ้าตกจากฟ้าลงมาบนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ 25และพระองค์ทรงขยี้เมืองเหล่านั้น ลุ่มน้ำทั้งหมด ชาวเมืองทั้งสิ้นและพืชต่างๆ
อับราฮัมให้โลทเลือกแผ่นดินก่อน
ปฐก. 13:8-9 อับรามจึงพูดกับโลทว่า "เราอย่าวิวาทกันเลย อย่าให้คนเลี้ยงสัตว์ของเจ้า กับคนเลี้ยงสัตว์ของเราวิวาทกัน เพราะเราเป็นญาติสนิท 9ที่ดินทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเจ้ามิใช่หรือจงแยกไปจากเราเถิด ถ้าเจ้าไปทางซ้าย เราก็จะไปทางขวา หรือเจ้าจะไปทางขวา เราก็จะไปทางซ้าย"
โลท เป็นคนที่หวังผลประโยชน์ โดยเลือกดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ แต่ไม่คำนึงว่าดินแดนนั้น เป็นที่ตั้งของเมืองโสโดม และโกโมราห์ เมืองแห่งความบาปทั้งมวล
ปฐก. 13:10-13 โลทเงยหน้าแลดูที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดนทางทิศเมืองโศอาร์เห็นว่ามีน้ำบริบูรณ์อยู่ทุกแห่งเหมือน พระอุทยานของพระเจ้า เหมือนแผ่นดินอียิปต์ นี่เป็นสภาพก่อนพระเจ้าทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์11โลทจึงเลือกที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดนทั้งหมดเป็นส่วนของตน….ส่วนโลทอาศัยอยู่ท่ามกลางหัวเมืองในที่ลุ่มแม่น้ำและย้ายเต็นท์ไปตั้งถึงเมืองโสโดม13ชาวเมืองโสโดมเป็นคนชั่วช้าทำบาปผิดต่อพระเจ้าเป็นอันมาก
โลทและภรรยามีความร่ำรวยมหาศาลในเมืองโสโดมและโกโมราห์อย่างไม่มีใครเสมอเหมือน
ปฐก. 13:2, 5 อับรามมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยฝูงสัตว์และเงินทองเป็นอันมาก… 5ฝ่ายโลทที่ไปกับอับรามนั้น มีฝูงแพะ แกะ และฝูงโคกับเต็นท์ด้วย
โลทและภรรยาของโลทไม่ยอมฟังคำเตือนของพระเจ้าจนทูตสวรรค์ต้องจับมือเขาและภรรยาของเขาและบุตรสาวทั้งสองคน พาออกนอกเมือง
ปฐก. 19:16 แต่โลทยังรีรอ ดังนั้นชายทั้งสองจึงคว้ามือเขาและภรรยา และบุตรหญิงทั้งสอง ด้วยพระกรุณาคุณของพระเจ้าที่มีต่อเขา ท่านทั้งสองนำเขาออกมาเสียนอกเมือง
ภรรยาของโลทก็เป็นคนรักวัตถุนิยม
โลท ภรรยาและบุตรสาวสองคนอพยพหนีออกจากเมืองโสโดมและโกโมราห์โดยได้นำทรัพย์สมบัติติดตัวไปได้เพียงเล็กน้อย
ภรรยาของโลทมีความเป็นห่วงใยทรัพย์สมบัติอันมีค่าในเมืองนั้นมาก
มธ. 6:21เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย
เขาคาดไม่ถึงว่าการไม่เชื่อฟัง พระเจ้าเพียงเล็กน้อยจะมีอันตรายถึงชีวิต
ยก. 1:14-15 แต่ว่าทุกคนก็ถูกล่อให้หลง เมื่อกิเลสของตัวเองล่อและชักนำให้กระทำตาม 15ครั้นตัณหาเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็นำไปสู่ความตาย
แต่หลายคนจะไม่ฟังเสียงคำเตือนเพราะ
1. ความหยิ่ง
สภษ. 16:18 “ความเย่อหยิ่งเดินหน้าการถูกทำลายและจิตใจที่ยโสนำหน้าการล้ม”
2.เป็นคนใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
สภษ. 29:11 คนโง่ย่อมให้ความโกรธของเขาพลุ่งออกมาเต็มที่แต่ปราชญ์ย่อมยับยั้งโทสะไว้เงียบๆ
3.ความโง่เขลา
สดด. 14:1 คนโง่รำพึงอยู่ในใจของตนว่า"ไม่มีพระเจ้า" เขาทั้งหลายก็เลวทรามลง กระทำกิจการที่น่าเกลียดน่าชังไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี
4. ความบาปเจริญเต็มที่แล้ว
ยก. 1:15 ครั้นตัณหาเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็นำไปสู่ความตาย
ยก. 1:23-24 เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะและไม่ได้ประพฤติตามผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา24เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไปและก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร
สภษ. 1:25-27 เจ้ามิได้รับรู้ในคำแนะนำของเรา และไม่ยอมรับคำตักเตือนของเราเลย 26ฝ่ายเราจะหัวเราะเย้ยความหายนะของเจ้า เราจะเยาะเมื่อความกลัวลานมากระทบเจ้า27เมื่อความกลัวลานมากระทบเจ้าอย่างพายุ และความหายนะของเจ้ามาถึงอย่างลมบ้าหมู เมื่อความทุกข์และความระทมใจใหญ่หลวงมาถึงเจ้า
ยก. 1:25 แต่เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามผู้นั้นก็จะได้รับความสุขเพราะการประพฤติปฏิบัติของตน
สภษ. 12:15 ทางของคนโง่นั้นถูกต้องในสายตาของเขาเอง แต่ปราชญ์ย่อมฟังคำแนะนำ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment