Sunday, August 30, 2009

หลักการดำเนินชีวิตที่เกิดผล อ.ประวัติ ตุลยธัญ

หลักการดำเนินชีวิตที่เกิดผล (Principles of Fruitful Life)

สดด 1:1-6
1ความสุขเป็นของบุคคล ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย 2 แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้าเขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน 3 เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น 4 คนอธรรมไม่เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเหมือนแกลบซึ่งลมพัดกระจายไป 5เหตุฉะนั้น คนอธรรมจะไม่ยั่งยืนอยู่ได้ เมื่อถึงคราวพระเจ้าทรงพิพากษา หรือคนบาปไม่ยืนยงในที่ชุมนุมของคนชอบธรรม 6เพราะพระเจ้าทรงทราบทางของคนชอบธรรม แต่ทางของคนอธรรมจะพินาศไป

“ มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแข่งกันหาเงิน พระเจ้าไม่ได้ตั้งเป้าหมายชีวิตเราอย่างนั้น

และในการเริ่มต้นนั้น เงินไม่มีบทบาทกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์เลย

แต่เวลาผ่านไปมนุษย์ได้สร้างเงื่อนไขนี้ ขึ้นมาแทนการแลกเปลี่ยน และให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น ในที่สุดมันก็ครองโลก ครองใจ
คนทั้งโลก ที่บางคนสามารถยอมตายเพื่อมันได้

หลักการดำเนินชีวิตที่เกิดผล คือ

1. คนที่ไม่ได้ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม (who does not walk in the counsel of the ungodly)

ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ / กระแส / คำสอนของคนอธรรม

สภษ.14:12 มีทางหนึ่งซึ่งคนเราดูเหมือนถูก แต่มันสิ้นสุดลงที่ทางของความมรณา

2. ไม่ยืนอยู่ในทางของคนบาป (does not stand in the way of sinners)

คำว่า ยืนอยู่ (take a stand with the sinners) หมายถึง คนที่เห็นด้วยกับการอธรรมของคนบาป หรือมีความ เชื่อและศรัทธาในกลุ่มของคนบาป หรือร่วมชุมนุมกับคนเหล่านั้น

รม 6:16 …ถ้าท่านยอมตัวรับใช้ฟังคำของผู้ใด ท่านก็เป็นทาสของผู้ที่ท่านเชื่อฟังนั้น คือเป็นทาสของบาปซึ่งนำไปสู่ความตาย

3. ไม่นั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย (Does not sit in the seat of mockers)

คนที่ชอบเยาะเย้ยคือ คนที่ต่อต้านพระเจ้า และเกลียดชังพระเจ้า (Atheist)

สภษ 3:34 พระองค์ทรงเยาะเย้ย คนที่มักเยาะเย้ย

ความบาปที่ร้ายแรง 7 ประเภทที่พระเจ้าเกลียด
สภษ. 6:16-19

1.ตา ยโส (haughty eyes) (haughty = ทะนง, ถือยศ, โอหัง, ถือตัว)
2.ลิ้นมุสา (a lying tongue)
3.มือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก ( hands that shed innocent blood)
4. จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย (a heart that devises wicked schemes)
5.เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว (feet that are quick to rush into evil )
6.พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา ( a false witness who pours out lies)
7.คนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง ( a man who stirs up dissension among brothers )

ยก 1:15 ครั้นตัณหาเกิดขึ้นแล้ว ก็ทำให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้ว ก็นำไปสู่ความตาย

ทำไมน้ำจึงเดือด ??? (ทำไมคนถึงทำบาป ???) เพราะมีสิ่งเร้า.... วิธีการที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้คือ ปิดสิ่งเร้า และเติมน้ำเย็นเข้าไปเรื่อยๆ หรือเติมความรักของพระเจ้าเข้าไปแทนที่

สภษ 3:34 พระองค์ทรงเยาะเย้ย คนที่มักเยาะเย้ย

ลักษณะชีวิตของคนที่เกิดผล

4. คนที่ชื่นชมยินดีที่ได้ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของพระเจ้า

สดด 1:2 ..แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า…

สภษ 16:20 บุคคลผู้สนใจในพระวจนะจะพบของดี

5. คนที่มีใจปรารถนาที่จะอธิษฐานในพระวจนะพระเจ้าอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน on his law he meditates day and night

เมื่อเขาทำการหลักการเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ พระเจ้าทรงอวยพรชีวิตของคนเหล่านี้ คือ

1. ชีวิตของเขาจะเปรียบเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ( He is like a tree planted by streams of water, )

2. ชีวิตของเขาเกิดผลพระวิญญาณในเวลาที่เหมาะสม

ปญจ 3:11 พระองค์ทรงกระทำให้สรรพสิ่งงดงามตามฤดูกาลของมัน

สดด 1:3 ...ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น

ความไม่มั่นคงของ คนอธรรม

สดด.1:4 คนอธรรมไม่เป็นเช่นนั้นแต่เป็นเหมือนแกลบซึ่งลมพัดกระจายไป

แกลบ คือ เปลือกของเม็ดข้าวสาร ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร ทำประโยชน์ได้น้อย หรือไม่ได้ใช้ทำอะไรนอกจากทิ้งให้ผุหรือเผาไฟเป็นเชื้อถ่านรวมความว่าเป็นสิ่งที่ไร้ราคา

ในทำนองเดียวกัน ก็มีคนเป็นอันมาก ที่มักจะปล่อยเวลาให้หมดไปกับสิ่งที่ไร้สาระ และไม่อาจจะเรียกร้องให้กลับคืนมาได้อีก

โรม 13:14 อย่าจัดเตรียมอะไรไว้บำรุงบำเรอตัณหาของเนื้อหนัง

พระเจ้าจะพิพากษาลงโทษคนอธรรม แต่ปกป้องคนชอบธรรม

สดด.1:5-6 เหตุฉะนั้น คนอธรรมจะไม่ยั่งยืนอยู่ได้ เมื่อถึงคราวพระเจ้าทรงพิพากษา หรือคนบาปไม่ยืนยงในที่ชุมนุมของคนชอบธรรม 6 เพราะพระเจ้าทรงทราบทางของคนชอบธรรม แต่ทางของคนอธรรมจะพินาศไป

“สองเส้นทางให้เลือกอยู่กลางป่า ฉันเลือกเส้นทางที่คนน้อยคนจะเลือกเดิน และนั่นทำให้ชีวิตของฉันแตกต่างไป”
“Two roads diverged in a wood and I – I took the one less traveled by, and that has made all the difference.” By Henry David Thoreau

มธ 7:13-14 จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่ และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก 14เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้น ก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย

No comments: