Sunday, August 9, 2009

รัก เชื่อฟัง และให้เกียรติคุณแม่ โดย อ.กอบชัย จิราธิวัฒน์

รัก เชื่อฟัง และให้เกียรติคุณแม่

อฟ 6:1-3
1ฝ่ายบุตรจงนบนอบเชื่อฟังบิดามารดาของตนในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะกระทำอย่างนั้นเป็นการถูก
2จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาไว้ด้วย
3เพื่อเจ้าจะไปดีมาดีและมีอายุยืนนานที่แผ่นดินโลก

ลก 2:19 ฝ่ายนางมารีย์ก็เก็บบรรดาสิ่งเหล่านั้นไว้ในใจและรำพึงอยู่

ลก 2:48 ฝ่ายบิดามารดาเมื่อเห็นแล้วก็ประหลาดใจ มารดาจึงว่า "ลูกเอ๋ย ทำไมจึงทำแก่เราอย่างนี้ ดูเถิด พ่อกับแม่แสวงหาเป็นทุกข์นัก"

มธ 12:46
ขณะที่พระองค์ยังตรัสกับประชาชนอยู่นั้น มารดาและพวกน้องชายของพระองค์พากันมายืนอยู่ภายนอก หาโอกาสจะสนทนากับพระองค์

ยน 19:25 พวกทหารได้กระทำดังนี้ ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกางเขนของพระเยซูนั้น มีมารดาของพระองค์กับน้าสาวของพระองค์ มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา

1. บุตรต้องเชื่อฟังบิดามารดาในองค์พระผู้เป็นเจ้า (1)

ภาษากรีก (Tekna) หมายถึงเด็กที่เป็นลูก ถ้ายังไม่เป็นผู้ใหญ่ แต่งงานแยกบ้านออกไปอยู่เอง อยู่ในความหมายของข้อนี้

Hupakouo หมายถึง การเชื่อฟัง หรือ การฟังอย่างตั้งใจและจดจ่อ และตอบสนองอย่างถูกต้องต่อสิ่งที่ได้ทุกสอนสั่ง

2. บุตรต้องให้เกียรติบิดามารดา (2)

การให้เกียรติ (Timao) หมายถึง การเห็นว่ามีคุณค่าสูงส่ง การยกย่องว่ามีค่าแก่การเคารพนับถือ

อพย 21:15 ผู้ใดทุบตีบิดามารดาของตน ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงตาย

ลวต 20:9 เพราะว่าทุกคนที่แช่งบิดาหรือมารดาของตนจะต้องมีโทษถึงตาย เขาได้แช่งบิดาหรือมารดาของเขา ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ

การให้เกียรติบิดามารดาคือ การพูดจาสุภาพอ่อนโยน กิริยามารยาทที่สุภาพนอบน้อม การดูแลเอาใจใส่บิดามารดายามป่วยไข้ อ่อนแอ อยู่ในวัยชรา ช่วยเหลือด้านการเงิน ไปเยี่ยมเยียน ชวนไปทานข้าว พาหลานๆไปพบ พาไปหาหมอ พาไปพักผ่อนต่างจังหวัด

3. พระพรจากการเชื่อฟังและให้เกียรติบิดามารดา (3)

4. ตัวอย่างพระเยซู ห่วงใยและดูแลพระมารดา

ยน 19:25-27 พวกทหารได้กระทำดังนี้ ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกางเขนของพระเยซูนั้น มีมารดาของพระองค์กับน้าสาวของพระองค์ มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา 26 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารดาของพระองค์ และสาวกคนที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้พระองค์ จึงตรัสกับมารดาของพระองค์ว่า "หญิงเอ๋ย จงดูบุตรของท่านเถิด" 27 แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกคนนั้นว่า "จงดูมารดาของท่านเถิด" ตั้งแต่เวลานั้นมาสาวกคนนั้นก็รับมารดาของพระองค์มาอยู่ในบ้านของตน

ยน 19:18 ณที่นั้นเขาตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนกับคนอีกสองคน คนละข้างและพระเยซูทรงอยู่กลาง

พระองค์ขอร้องให้ยอห์นสาวกเอกให้ช่วยรับมารดาของพระองค์ไปดูแลเหมือนกับเป็นมารดาของยอห์นเอง ยอห์นก็ยินดีทำตาม

พระเยซูเห็นคุณค่าของแม่ และมีความกตัญญู แม้ใกล้สิ้นพระชนม์ ยังคิดกาทางที่จะดูแลมารดาของพระองค์ด้วยการฝากให้ยอห์นสาวกเอกรับไปดูแลต่อ

คริสเตียนทุกคนจึงควรเชื่อฟังพระคัมภีร์ เอาแบบอย่างของพระเยซู

เชื่อฟังและเคารพให้เกียรติบิดามารดา และดูแลเอาใจใส่บิดามารดายามชราหรือยามป่วยไข้

No comments: